พูดคุยกับเราได้ที่

0 2646 3555

15 ที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ดินแดนดอกไม้ และเทศกาลสุดอบอุ่น

พิกัด 15 ที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน แนะนำสถานที่เด็ด เทศกาลดัง
 
เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนเดือนไหนดี มีที่ไหนฮิตบ้าง
 
 

“อาหารทะเลสดใหม่ เทศกาลสุดปังทุกฤดูกาล ดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง”
ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง “ฮอกไกโด” ดินแดนที่ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติล้วนพาครอบครัวมาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวฤดูร้อน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลโอบง หรือ Obon (วันที่ 13-16 สิงหาคมของทุกปี) แม้ที่เกาะอื่นจะอากาศร้อนจัด แต่อุณหภูมิฮอกไกโดกลับไม่ร้อนชื้นเกินไป ทำให้ท้องฟ้าแจ่มใส ได้ชมดอกไม้งามทั่วเมือง

ถ้าเพื่อน ๆ อยากรู้ว่าเที่ยวฮอกไกโดเดือนไหนดีถึงจะได้สัมผัสกับบรรยากาศแจ่ม ๆ ไปพร้อมกับชาวญี่ปุ่น หรือกำลังหาไอเดียแต่งตัวเที่ยวฮอกไกโดสไตล์ชิค ๆ มาหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลย !
 

ทำความรู้จักฮอกไกโด หนึ่งในสี่เกาะที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น

ฮอกไกโด เกาะเหนือสุดแห่งแดนอาทิตย์อุทัย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเกาะฮอนชู หากกางแผนที่แล้วจะพบว่าอยู่ใกล้กับรัสเซียมาก ทำให้สภาพอากาศช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิฮอกไกโดจะติดลบชนิดที่เรียกว่าแม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งเลยทีเดียว

ฮอกไกโดมีแหล่งธรรมชาติที่งดงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา น้ำตก แม่น้ำ หรือลำธาร ทำให้มีสัตว์และดอกไม้นานาพันธุ์ หากคุณกำลังสงสัยว่าจะเที่ยวฮอกไกโดเดือนไหนดี ตอบได้เลยว่าหลายคนนิยมเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน หรือช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เนื่องจากช่วงดังกล่าว อุณหภูมิฮอกไกโดจะไม่ได้สูงจัดเหมือนภูมิภาคอื่น ทำให้เหมาะแก่การเดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งเราได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน 15 แห่งสุดประทับใจมาไว้ที่นี่แล้ว !

 

ที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน
ที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน

 

รวมลิสต์ 15 ที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน สวยชวนตะลึงทุกแลนด์มาร์ก !

เมื่อเข้าใจสภาพภูมิประเทศโดยรวมของฮอกไกโดไปแล้ว มารู้จักกับ 15 ที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนกันเลย !

 

โทมิตะฟาร์มนอกจากเป็นที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
โทมิตะฟาร์มนอกจากเป็นที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
 
 

1. โทมิตะฟาร์ม (Farm Tomita)

สาว ๆ คนไหนชื่นชอบดอกไม้นานาพันธุ์ หรืออยากได้วิวถ่ายรูปสุดปังท่ามกลางดอกไม้หลากสีสัน ต้องมาที่โทมิตะฟาร์มในฮอกไกโดช่วงหน้าร้อนเลย เพราะถ้าไปฤดูอื่น คุณอาจไม่ได้เห็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงามขนาดนี้

สำหรับโทมิตะฟาร์ม นอกจากจะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เพราะมีไฮไลต์อยู่ที่ทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงบานสะพรั่งใจกลางฟาร์มแล้ว ยังมีทุ่งดอกไม้อื่น ๆ ที่ทุกคนต่างก็พากันตกหลุมรักตั้งแต่พบเห็นเป็นครั้งแรก เช่น ทุ่งฮานามิโต (Hanamito Field) ซึ่งปลูกดอกไม้หลากสีสันพันธุ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่ดอกลาเวนเดอร์ด้วย

  • ค่าเข้า :
    ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เวลาเปิด-ปิด :
    08:30-17:30 น.
  • การเดินทาง :
    นั่งรถไฟจากสถานีซัปโปโรมาลงสถานี Lavender Farm หรือชื่อญี่ปุ่น คือ Norokko-go จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที ก็จะถึงโทมิตะฟาร์ม
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป

 

เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนทั้งทีต้องมาทางเดินแห่งไฟของปีศาจ
เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนทั้งทีต้องมาทางเดินแห่งไฟของปีศาจ
 

 

2. ทางเดินแห่งไฟของปีศาจ (Onibino Michi)

ตั้งอยู่บนบริเวณหุบเขาจิโกะคุดานิ สาเหตุที่ได้ชื่อว่า “ทางเดินแห่งไฟของปีศาจ” เนื่องจากมีบ่อน้ำพุร้อน และควันกำมะถันคละคลุ้งไปทั่วตลอดเวลา อีกทั้งดินโคลนยังเป็นสีน้ำตาลอมแดง นักท่องเที่ยวที่เพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “นึกว่าอยู่ในนรกกระทะทองแดง” ยิ่งไปกว่านั้น สองข้างของทางเดินไม้ยังตกแต่งด้วยโคมไฟนับไม่ถ้วน ให้บรรยากาศเหมือนปีศาจกำลังเดินอยู่นั่นเอง

  • ค่าเข้า :
    ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เวลาเปิด-ปิด :
    ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินถึง 21:30 น.
  • การเดินทาง :
    นั่งรถไฟจากสถานีซัปโปโรมาลงสถานีโนริเบทสึ ขึ้นรถเมล์ และลงที่สถานีขนส่ง โนริเบ็ตสึ ออนเซ็น จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาที จะพบกับทางเดินแห่งไฟของปีศาจ
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป


 

เนินแห่งพระพุทธเจ้าสถานที่ท่องเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ที่สายมูห้ามพลาด
เนินแห่งพระพุทธเจ้าสถานที่ท่องเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ที่สายมูห้ามพลาด

 

3. เนินแห่งพระพุทธเจ้า (Hill of the Buddha)

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในฮอกไกโดช่วงหน้าร้อนที่สายมูห้ามพลาด คือ เนินแห่งพระพุทธเจ้า ผลงานชิ้นโบแดงของ Tadao Ando สถาปนิกผู้ได้รับรางวัลพริตเกอร์ โดยองค์พระพุทธเจ้าจะประดิษฐานตรงกลางพื้นที่ โอบล้อมด้วยพระพุทธรูปองค์ต่าง ๆ ที่มีระดับลดหลั่นต่างกัน จนมีรูปร่างเป็นเนินเขา ปกคลุมด้วยดอกลาเวนเดอร์นับไม่ถ้วนในลักษณะขั้นบันได

  • ค่าเข้า :
    300 เยน (เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีเข้าชมฟรี)
  • เวลาเปิด-ปิด :
    09:00-22:00 น. (เดือนเมษายน-ตุลาคม)
    10:00-21:00 น. (เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม)
  • การเดินทาง :
    นั่งรถไฟจากสถานีซัปโปโรมาลงสถานีมาโคมานะอิ ต่อด้วยนั่งรถเมล์ Chuo Bus สาย 108 ลงป้าย Takino Reign (Cemetry) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป

 

สวนสาธารณะทาคิโนะ ซุซุรันที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนประจำเมืองซัปโปโร
สวนสาธารณะทาคิโนะ ซุซุรันที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนประจำเมืองซัปโปโร

 

4. สวนสาธารณะทาคิโนะ ซุซุรัน (Takino Suzuran Park)

สวนสาธารณะขนาดใหญ่หนึ่งเดียวประจำเมืองซัปโปโร ภูมิภาคฮอกไกโด ที่ช่วงหน้าร้อนจะมีชาวญี่ปุ่นพาบุตรหลานมาเที่ยวชมธรรมชาติ น้ำตก และเครื่องเล่นสนุก ๆ อย่างครบครัน แต่ถ้ามาเที่ยวฮอกไกโดหน้าหนาว เดือนธันวาคม สวนแห่งนี้จะกลายสภาพเป็นลานเจ็ตสกีขนาดใหญ่ พร้อมเปลี่ยนโฉมเป็น “ทาคิโนะสโนว์เวิลด์” ดังนั้น หากไม่รู้ว่าควรไปฝึกขี่เจ็ตสกีที่ไหนดี แนะนำให้มาที่สวนแห่งนี้ช่วงฤดูหนาวเลย เพราะช่วงที่ฮอกไกโดอากาศหนาวเย็นเหมาะแก่การเล่นกีฬาชนิดนี้เป็นที่สุด !

  • ค่าเข้า :
    เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี - ใช้บริการฟรี
    ผู้ใหญ่ หรือเด็กที่อายุเกินกว่า 15 ปีขึ้นไป - 410 เยน
    ผู้ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป - 210 เยน
  • เวลาเปิด-ปิด :
    09:00-17:00 น. (20 เมษายน-31 พฤษภาคม และ 1 กันยายน-10 พฤศจิกายน)
    09:00-18:00 น. (1 มิถุนายน-31 สิงหาคม).
    09:00-16:00 น. (23 ธันวาคม-31 มีนาคม)
  • การเดินทาง :
    นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานีมาโคมานะอิ (สายนัมโบกุ) เดินต่อมายังป้ายรถเมล์ ทางออก 2 และขึ้นรถเมล์สาย 106 ลงที่สถานีสุดท้าย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป


 

หากมาเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนแล้วมองหาจุดชมวิว ต้องมาเยือนภูเขาฮาโกดาเตะ
หากมาเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนแล้วมองหาจุดชมวิว ต้องมาเยือนภูเขาฮาโกดาเตะ
 

 

5. ภูเขาฮาโกดาเตะ (Mt.Hakodate)

หากมาเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนแล้วมองหาจุดชมวิว ต้องมาเยือนภูเขาฮาโกดาเตะเลย การันตีความสวยในระดับที่มิชลินกรีนไกด์ยกนิ้วให้ว่าประสบการณ์เหมือนมาเยือนจุดชมวิวเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลีเลยทีเดียว

  • ค่าเข้า :
    ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เวลาเปิด-ปิด :
    24 ชั่วโมง
  • การเดินทาง :
    ขึ้นรถรางจากสถานีฮาโกดาเตะ เอกิมาเอะ มาลงป้ายจูจิไก และเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาทีจะพบกับสถานีกระเช้าลอยฟ้าซันโรกุ จากนั้นให้ใช้บริการกระเช้าลอยฟ้าขึ้นเขา โดยมีค่าบริการดังนี้
    ผู้ใหญ่ 1 เที่ยว 1,200 เยน, ไป-กลับ 1,800 เยน
    เด็ก 1 เที่ยว 600 เยน, ไป-กลับ 900 เยน
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป


 

คลองโอตารุเหมาะกับการมาเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน
คลองโอตารุเหมาะกับการมาเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน
 

 

6. คลองโอตารุ (Otaru Canal)

มาเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนทั้งที ห้ามพลาดทริปนั่งเรือล่องคลองโอตารุเพื่อสัมผัสลมเย็น ๆ และแสงแดดอบอุ่น โดยสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านอาหารและพิพิธภัณฑ์จำนวนมาก อีกทั้งตอนกลางคืนยังตกแต่งด้วยโคมไฟนับไม่ถ้วน ให้ความรู้สึกชวนฝันแบบสุด ๆ

  • ค่าเข้า :
    ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เวลาเปิด-ปิด :
    24 ชั่วโมง
  • การเดินทาง :
    เดินทางได้ 3 วิธี ดังนี้
    • นั่งรถไฟจากสถานีซัปโปโร ลงสถานีโอตารุ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ค่าโดยสาร 750 เยน
    • นั่งจากท่าเรือนีงาตะมาลงท่าเรือโอตารุ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 18 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 7,500 เยน
    • นั่งรถเมล์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที โดยนั่งตั้งแต่สถานีรถไฟโอตารุชิโกะ และลงที่สถานีขนส่งเรือเฟอร์รีโอตารุ
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป

 

หากต้องการเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนชมดอกลาเวนเดอร์แนะนำให้มาทุ่งลาเวนเดอร์โฮโรมิโตเกะ
หากต้องการเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนชมดอกลาเวนเดอร์แนะนำให้มาทุ่งลาเวนเดอร์โฮโรมิโตเกะ
 

 

7. ทุ่งลาเวนเดอร์โฮโรมิโตเกะ (Horomitoge Lavender Garden)

นอกจากโทมิโตะฟาร์มแล้ว หากต้องการชมดอกลาเวนเดอร์ สามารถแวะมาที่ทุ่งลาเวนเดอร์โฮโรมิโตเกะ ซึ่งตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองซัปโปโรได้เช่นกัน แนะนำให้เดินขึ้นไปยอดสุดของเนินแล้วมองลงมา จะเห็นวิวทั่วเมืองซัปโปโรทั้งหมด พร้อมเห็นทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงเข้มดูสวยงามละลานตา รับรองว่าเห็นแล้วอดใจไม่ไหว ต้องกดชัตเตอร์กล้องกันรัว ๆ

  • ค่าเข้า :
    ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เวลาเปิด-ปิด :
    09:00-17:00 น.
  • การเดินทาง :
    นั่งรถไฟฟ้าสถานีซัปโปโร มาลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีโอโดริ และเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายโทไซ ลงสถานีที่ 3 (มารุยามะ โคเอ็น) จากนั้นต่อแท็กซี่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป

 

 
เขาโมอิวะจุดถ่ายรูปชมวิวพระอาทิตย์ตกอันงดงามของฮอกไกโดหน้าร้อน
เขาโมอิวะจุดถ่ายรูปชมวิวพระอาทิตย์ตกอันงดงามของฮอกไกโดหน้าร้อน
 

 

8. เขาโมอิวะ (Mt. Moiwa)

สำหรับใครที่กำลังมองหาจุดถ่ายรูปชมวิวพระอาทิตย์ตกอันงดงามของฮอกไกโดหน้าร้อน ต้องมาเยือนที่เขาโมอิวะ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองซัปโปโร ฮอกไกโด ด้านบนภูเขาจะมีตุ๊กตาโมริซุ หน้าตาคล้ายกระรอก อันเป็นสัญลักษณ์ของภูเขาตั้งอยู่ แล้วยังมีร้านขายของฝากตุ๊กตาน้องกระรอกไปฝากคนทางบ้านด้วย

  • ค่าเข้า :
    ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เวลาเปิด-ปิด :
    24 ชั่วโมง
  • การเดินทาง :
    จากสถานีรถไฟซัปโปโร สามารถขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายนัมโบกุมาลงสถานีซูซูกิโนะ ต่อด้วยรถราง มาลงป้ายอิริกุชิ เมื่อถึงป้ายแล้วให้ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งจะมีรถให้บริการฟรีไปส่งที่สถานีกระเช้าลอยฟ้า “โมอิวะ ซันโรกุ” จากนั้นคุณสามารถขึ้นเขาด้วยบริการจากกระเช้าลอยฟ้า
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป

 

แหลมคามูอิแสงแดดอบอุ่นเหมาะกับฮอกไกโดหน้าร้อน
แหลมคามูอิแสงแดดอบอุ่นเหมาะกับฮอกไกโดหน้าร้อน
 

 

9. แหลมคามูอิ (Cape Kamui)

อยากชมวิวทะเลอันกว้างใหญ่ พร้อมสัมผัสแสงแดดอบอุ่นในฮอกไกโดหน้าร้อน ต้องเดินทางมาที่แหลมคามูอิแห่งเมืองชาโคตัน โดยระหว่างทางคุณจะได้ชมธรรมชาติอันงดงามมากมาย เมื่อเดินถึงสุดปลายแหลม คุณจะได้พบกับประภาคารอันเก่าแก่ และหินประหลาดรูปร่างคล้ายคน

  • ค่าเข้า :
    ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เวลาเปิด-ปิด :
    เดือนเมษายน 08:00-17:30 น.
    เดือนพฤษภาคม 08:00-18:00 น.
    เดือนมิถุนายน 08:00-18:30 น.
    เดือนกรกฎาคม 08:00-18:00 น.
    เดือนสิงหาคม-ตุลาคม 08:00-17:30 น.
    เดือนพฤศจิกายน 08:00-16:30 น.
    เดือนธันวาคม-มีนาคม 10:00-15:00 น.
  • การเดินทาง :
    นั่งรถไฟจากสถานีซัปโปโรมาลงสถานีโอตารุ จากนั้นให้ขึ้นรถเมล์ Hokkaido Chuo มาลงป้ายฟูรุบิระ และเรียกรถแท็กซี่ไปแหลมคามูอิ ใช้เวลาเดินทางรวมประมาณ 2 ชั่วโมง
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป

 

โรงงานช็อกโกแลต ชิโรอิ โคอิบิโตะสถาที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน
โรงงานช็อกโกแลต ชิโรอิ โคอิบิโตะสถาที่เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน
 

 

10. โรงงานช็อกโกแลต ชิโรอิ โคอิบิโตะ (Shiroi Koibito Park)

อยากสัมผัสบรรยากาศโรงงานช็อกโกแลตของจริง เหมือนหลุดไปในภาพยนตร์เรื่อง “โรงงานช็อกโกแลตมหัศจรรย์” ที่ Johnny Depp แสดงนำเป็นวิลลี่ วองก้า ต้องมาที่นี่เลย เพราะด้านในจะมีโซน Workshop จัดแสดงต่าง ๆ และประวัติการเดินทางของช็อกโกแลตแสนอร่อย แต่ขอเตือนว่าอย่าชมเพลินเกินห้ามใจ เพราะในโรงงานมีขนมหวานขายตลอดทาง ระวังน้ำหนักขึ้นไม่รู้ตัว !

  • ค่าเข้า :
    เด็กอายุ 0-3 ปี - ไม่มีค่าใช้จ่าย
    เด็กอายุ 4-15 ปี - 400 เยน
    ผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป) - 800 เยน
  • เวลาเปิด-ปิด :
    10:00-19:00 น.
  • การเดินทาง :
    นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายโทไซ จากสถานีโอตารุ มาลงสถานีมิยาโนะซาวะ จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที
    นั่งรถเมล์ Hokkaido Chuo จากสถานีขนส่งซัปโปโร มาลงป้าย Nishimachi Kita 20-chome และเดินต่อมายังโรงงานช็อกโกแลต
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป

 

เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนต้องเมืองบิเอะเพื่อชมบ่อน้ำสีฟ้า
เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนต้องเมืองบิเอะเพื่อชมบ่อน้ำสีฟ้า
 

 

11. บ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond)

น้ำสีฟ้าที่แปลกแต่จริงในเมืองบิเอะ ! ซึ่งเป็นที่เดียวในญี่ปุ่นที่จะเจอกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้ โดยเกิดจากน้ำในเขื่อนผสมกับแร่ธาตุกำมะถันจากภูเขาไฟที่ปะทุใกล้เคียง และสะสมเป็นเวลานาน แต่ละวันก็จะเฉดสีไม่เท่ากัน ยิ่งถ้าเป็นฮอกไกโดหน้าร้อนก็จะเห็นสีฟ้าหลายเฉดสุด ๆ แต่ ! เห็นสวย ๆ แบบนี้ก็อันตรายเหมือนกัน ฉะนั้น ห้ามลงเล่น และห้ามชิมน้ำเด็ดขาด

  • ค่าเข้า :
    ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เวลาเปิด-ปิด :
    24 ชั่วโมง
  • การเดินทาง :
    จากสถานีซัปโปโรจะมีรถทัวร์พาคุณไปชมบ่อน้ำสีฟ้าโดยเฉพาะ และหากเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนจะมีรถทัวร์เที่ยวพิเศษมารับคุณถึงที่ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากสถานีฟูราโน่ และสถานีบิเอะด้วย
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป

 

เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนที่โกดังอิฐอันเก่าแก่
เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนที่โกดังอิฐอันเก่าแก่
 

 

12. โกดังอิฐสีแดงคําเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse)

โกดังอิฐอันเก่าแก่ เป็นสถานที่รองรับการค้าขายของนักเดินเรือที่มาเยือนฮอกไกโดในอดีต แต่ปัจจุบันได้กลายสภาพเป็นศูนย์การค้าสุดชิค ให้ฟีลเอเชียทีคบ้านเราแบบสุด ๆ ส่วนด้านในโกดังนอกจากจะเป็นแหล่งช้อปปิ้งแล้ว ยังเป็นร้านอาหารและบาร์ต่าง ๆ ที่คุณสามารถเข้าไปนั่งชิล ดับเหงื่อ หากมาเยือนฮอกไกโดหน้าร้อนอีกด้วย

  • ค่าเข้า :
    ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เวลาเปิด-ปิด :
    09:00-19:00 น.
  • การเดินทาง :
    นั่งรถไฟจากสถานีซัปโปโร ลงสถานีฮาโกดาเตะ เดินต่อประมาณ 10-15 นาที หรือนั่งรถรางมาลงป้ายจูจิไกและเดินต่อประมาณ 5 นาที
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป

 

ซูซูกิโนะแหล่งบันเทิงของการเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน
ซูซูกิโนะแหล่งบันเทิงของการเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน
 

 

13. ซูซูกิโนะ (Susukino)

แหล่งบันเทิงเอาใจขาช้อปประจำฮอกไกโด เพื่อน ๆ ผู้ชื่นชอบท่องราตรีขอบอกเลยว่าอย่าพลาด เพราะมาที่เดียวจะได้พบทั้งร้านราเม็งสุดอร่อย คลับ บาร์ชื่อดัง พร้อมดับเหงื่อ คลายหิวระหว่างเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ถ้าอยากเห็นว่าร้านปาจิงโกะของจริงเป็นอย่างไร มาเยือนที่ย่านนี้ได้

  • ค่าเข้า :
    ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เวลาเปิด-ปิด :
    24 ชั่วโมง
  • การเดินทาง :
    นั่งรถไฟใต้ดินสายนัมโบกุ จากสถานีซัปโปโรมาลงที่ซูซูกิโนะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 นาที
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป

 

สวนสัตว์อะซาฮิยาม่าเหมาะกับการเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน
สวนสัตว์อะซาฮิยาม่าเหมาะกับการเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน
 

 

14. สวนสัตว์อะซาฮิยาม่า (Asahiyama Zoo)

สวนสัตว์ชื่อดังประจำเมืองอะซาฮิยาม่า ที่ได้รวบรวมน้อง ๆ สัตว์จากทั่วทุกมุมโลกซึ่งคุณอาจไม่เคยพบเจอมาก่อนในประเทศไทย เช่น หมีขั้วโลก และสัตว์ท้องถิ่นอื่น ๆ ของฮอกไกโด ไฮไลต์ของที่นี่ คือ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแบบใกล้ชิดสุด ๆ โดยไม่ได้จับใส่กรงมิดชิดเหมือนสวนสัตว์อื่นด้วย

  • ค่าเข้า :
    เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี - เข้าชมฟรี
    ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป - 1,000 เยน
  • เวลาเปิด-ปิด :
    ทุกวัน เวลา 10:30-15:30 น. (ช่วงเวลาอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
  • การเดินทาง :
    นั่งรถเมล์สาย 41, 42 หรือ 47 จากสถานีรถไฟอาซาฮิคาวะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป

 

นิงเกิล เทอร์เรสเหมาะกับการเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน
นิงเกิล เทอร์เรสเหมาะกับการเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน
 

 

15. นิงเกิล เทอร์เรส (Niggle Terrace)

กระท่อมไม้เล็ก ๆ กลางป่าที่เรียงรายกันท่ามกลางธรรมชาติแห่งฮอกไกโด ให้บรรยากาศอบอุ่น สวยงามขนาดทีวีกองถ่ายภาพยนตร์ต้องมาเยือน !

  • ค่าเข้า :
    ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เวลาเปิด-ปิด :
    ตลอดทั้งปี เวลา 12:00-20:45 น. ยกเว้น 1 กรกฎาคม - 31 สิงหาคม 10:00-20:45 น. (ช่วงเวลาอาจมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล))
  • การเดินทาง :
    นั่งรถไฟจากสถานีซัปโปโร ลงสถานีฟูราโนะ แล้วต่อด้วยรถแท็กซี่ท้องถิ่น ใช้เวลาอีกประมาณ 10 นาที จะถึงนิงเกิล เทอร์เรส
*ราคาค่าเข้าชมและเวลาเปิด-ปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนไป
 

 

เช็กอุณหภูมิฮอกไกโด อากาศเป็นอย่างไร และควรแต่งกายแบบไหนดี ?

ก่อนตัดสินใจว่าควรเดินทางไปเที่ยวฮอกไกโดเดือนไหนดี ? ต้องทำความรู้จักกับสภาพอากาศเป็นอันดับแรก โดยฮอกไกโดประกอบด้วย 4 ฤดูกาล ดังนี้

1. ฤดูใบไม้ผลิ

ตรงกับเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อุณหภูมิอากาศอยู่ระหว่าง 5-25 องศาเซลเซียส ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป

การแต่งกาย

ถ้าสาว ๆ อยากถ่ายรูปสวย ๆ ใต้ต้นซากุระ แนะนำให้สวมเสื้อสีโทนอ่อน ใส่กระโปรงขายาว และเสื้อโคตสั้นทับอีกชั้น ส่วนหนุ่ม ๆ อาจสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนขายาว คลุมทับด้วยเสื้อโคตแจ็กเกตผ้าวูล

 

2. ฤดูร้อน

ตรงกับเดือนมิถุนายน-สิงหาคม อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 16-35 องศาเซลเซียส

การแต่งกาย

แต่งแบบชิว ๆ ฟรีสไตล์ได้อย่างที่ทุกคนต้องการ เพราะช่วงนี้ฮอกไกโดอากาศไม่ร้อนจนเกินไป ใส่กางเกงช้าง เสื้อยืดเดินในฮอกไกโดได้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อาจสวมเสื้อสเวตเตอร์คลุมทับอีกชั้น เผื่ออากาศบางวันเย็นกว่าปกติ

 

3. ฤดูใบไม้ร่วง

ตรงกับเดือนกันยายน-พฤศจิกายน อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 1-22 องศาเซลเซียส

การแต่งกาย

ถ้าสาว ๆ อยากแต่งกายให้ถ่ายรูปได้บรรยากาศฤดูดอกไม้แดง แนะนำให้สวมเสื้อโทนสีน้ำตาลเข้ม พร้อมกับกระโปรงสีน้ำตาลสุดชิค และสวมโคตสีส้มอมแดงทับอีกชั้น ส่วนหนุ่ม ๆ อาจสวมเสื้อแขนยาว แจ็กเกตกันลม คู่กับกางเกงยีนทรงกว้างขาสอบ

 

4. ฤดูหนาว

ตรงกับเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิอยู่ระหว่าง -10-0 องศา

การแต่งกาย

แนะนำให้ใส่เสื้อขนเป็ด เสื้อแขนยาว และรองเท้าบูต พร้อมหมวกถักไหมพรม เน้นรักษาอุณหภูมิแก่ร่างกายสู้กับอากาศหนาว

 

กิจกรรมและเทศกาลประจำฤดู

หากวางแผนเที่ยวฮอกไกโด ควรเลือกให้ถูกว่าจะเที่ยวฮอกไกโดเดือนไหนดี เพราะแต่ละฤดูจะมีอีเวนต์ประจำเทศกาลที่มีของดีไม่เหมือนกัน ดังนี้

ฤดูใบไม้ผลิ

ฤดูนี้เน้นชมดอกซากุระเป็นพิเศษ ทำให้เกิดเทศกาลฮานามิทั่วเกาะฮอกไกโด เราจะเห็นคู่รักหนุ่มสาวนั่งจีบกัน พร้อมดื่มชาร้อน ๆ กับขนมดังโงะใต้ต้นซากุระ

ฤดูร้อน

เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ใครตกใจง่ายหรือกลัวดอกไม้ไฟต้องระวัง เพราะฤดูนี้จะมีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟ และการแห่ศาลเจ้ารอบเมืองกันเป็นประจำ เพราะเชื่อกันว่าจะนำพาชีวิตที่มีแต่ความสงบสุขและสุขภาพแข็งแรงมาให้ชาวเกาะ

ฤดูใบไม้ร่วง

เทศกาลฤดูใบไม้ร่วงขึ้นชื่อของชาวฮอกไกโด คือ “โมมิ-จี ฮาโกดาเตะ” จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่สวนสาธารณะโคเซ็ตสึเอนแห่งเกาะฮอกไกโด หากมางานนี้ คุณจะได้พบกับดอกไม้สีแดงนานาพันธุ์ งานศิลปะเล็ก ๆ น้อย ๆ ดนตรีสด และกิจกรรมอื่น ๆ ด้วย

ฤดูหนาว

ฤดูนี้คึกคักเป็นพิเศษไม่แพ้ฮอกไกโดหน้าร้อนเลย เพราะจะจัดเทศกาลหิมะซัปโปโรเป็นประจำทุกปี ซึ่งจะมีนักแกะสลักหิมะมืออาชีพเข้าร่วมจำนวนมาก ทำให้นักท่องเที่ยวต่างรอคอยที่จะได้พบกับประติมากรรมแกะสลักน้ำแข็งสุดอลังการ พร้อมกิจกรรมสนุก ๆ อื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขี่สโนว์โมบิล หรือการสร้างบ้านอิกลูแบบชาวเอสกิโม

 

อาหารประจำฤดู

เมื่อรู้แล้วว่าไปเที่ยวฮอกไกโดแต่ละเดือนมีอีเวนต์อะไรบ้าง ก็ต้องไม่ลืมทำความรู้จักกับอาหารชื่อดังประจำฤดูด้วย ! จะมีเมนูไหนที่น่ากินบ้าง ไปดูกันเลย ถ้าได้ลองแล้ว ขอบอกว่าจะดีต่อใจจนอยากไปกินอีกรอบแน่นอน !

ฤดูใบไม้ผลิ

หลายครอบครัวออกมาปิกนิกใต้ต้นซากุระ ทำให้เมนูเด็ดที่ชาวฮอกไกโดจำนวนมากรับประทาน ก็คือ “เจงกีสข่าน” พูดง่าย ๆ ก็คือคล้าย ๆ กับหมูกระทะบ้านเรา แต่จะใช้เนื้อแกะแทนเนื้อหมู รับประทานคู่กับผักเคียงท้องถิ่น และเส้นอุด้ง พร้อมเครื่องดื่มอย่างเบียร์เย็น ๆ สักแก้ว

ฤดูร้อน

เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ของอร่อยขึ้นชื่อจะเป็นของหวานดับเหงื่ออย่างไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟสีม่วงดอกลาเวนเดอร์ และเมลอนซอฟต์เสิร์ฟ

ฤดูใบไม้ร่วง

ฤดูใบไม้ผลิต้องกินเจงกีสข่านชมดอกซากุระ แต่ถ้าชมดอกไม้แดงฤดูใบไม้ร่วงต้องกิน “อิชิคาริ นาเบะ” อีกหนึ่งเมนูหม้อไฟชื่อดังประจำฮอกไกโด ประกอบด้วยเส้นสาหร่ายคมบุดาชิ น้ำซุปมิโซะ ผักท้องถิ่น กระดูกปลาแซลมอน พร้อมด้วยแซลมอนหมัก

ฤดูหนาว

อากาศหนาวจนแม่น้ำเป็นน้ำแข็งแบบนี้ ของดีของอร่อยจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากราเม็งร้อน ๆ สักชาม ขอบอกเลยว่าที่ฮอกไกโดมีร้านราเม็งขึ้นชื่อหลายร้านมาก ทั้งยังมาพร้อมกับสูตรราเม็งแบบต่าง ๆ ออกไปในแต่ละเมือง เช่น ราเม็งซัปโปโร ราเม็งอาซาฮิคาวะ ราเม็งฮาโกดาเตะ

 

วิธีการเดินทางเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน

รถไฟ JR Hokkaido Rail Pass

เป็นตั๋วเหมาแบบเที่ยว ใช้โดยสารรถไฟ JR Hokkaido ได้ทุกสาย ซึ่งจะเดินทางกี่รอบก็ได้ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่จำกัดวันใช้งาน และขึ้นรถเมล์บางสายของ JR Hokkaido ได้ด้วย ทำให้ก่อนซื้อตั๋วประเภทนี้เที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนต้องวางแผนซื้อตั๋วให้ดีว่าคุณจะอยู่กี่วัน เพื่อให้ใช้งานอย่างคุ้มค่าที่สุด

ประเภทตั๋ว 3 วัน
เด็กอายุ 6-11 ปี ราคา 8,250 เยน
ผู้ใหญ่ ราคา 16,500 เยน
ประเภทตั๋ว 4 วัน
เด็กอายุ 6-11 ปี ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 10,500 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 10,000 เยน
ผู้ใหญ่ ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 21,000 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 20,000 เยน
ประเภทตั๋ว 5 วัน
เด็กอายุ 6-11 ปี ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 10,500 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 10,000 เยน
ผู้ใหญ่ ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 21,000 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 20,000 เยน
ประเภทตั๋ว 7 วัน
เด็กอายุ 6-11 ปี ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 13,500 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 13,000 เยน
ผู้ใหญ่ ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 27,000 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 26,000 เยน
ประเภทตั๋ว 10 วัน
เด็กอายุ 6-11 ปี ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 16,000 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 16,500 เยน
ผู้ใหญ่ ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 33,000 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 32,000 เยน
 

บัตร JR Pass สำหรับซัปโปโร-ฟุราโนะ

  • เด็กอายุ 6-11 ปี ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 5,500 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 5,000 เยน
  • ผู้ใหญ่ ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 11,000 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 10,000 เยน

บัตร JR Pass สำหรับซัปโปโร-โนโบริเบทสึ

  • เด็กอายุ 6-11 ปี ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 5,000 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 4,500 เยน
  • ผู้ใหญ่ ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่น 10,000 เยน ราคาจำหน่ายนอกญี่ปุ่น 9,000 เยน

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้ตรวจสอบอีกครั้งก่อนเดินทาง

 

ข้อควรรู้สำหรับการขี่จักรยานที่ฮอกไกโด

ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องวินัยจราจรมาก แค่ปั่นจักรยานผิดกฎ ทำเอาเสียค่าปรับได้ง่าย ๆ เลย โดยมีกฎสำคัญที่ควรรู้ ดังนี้

การเปิดไฟจักรยาน

ใครขี่จักรยานที่ฮอกไกโดช่วงกลางคืนต้องเปิดไฟตลอดเวลา หากลืมเปิดจะต้องเสียค่าปรับตามกฎหมาย เพราะญี่ปุ่นช่วงหน้าหนาวมืดเร็วมาก แต่ต่อให้เป็นฮอกไกโดหน้าร้อนก็ต้องเปิดไฟจักรยานเช่นกันเพื่อความปลอดภัย

ดื่มแล้วปั่นจักรยาน

กฎข้อนี้อาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนไทย แต่สำหรับที่ญี่ปุ่นนั้นซีเรียสมาก แม้จะเป็นแค่การขับขี่จักรยาน แต่หากผู้ขี่เมาก็อาจถูกหิ้วเข้าซังเตได้เลย ส่วนโทษคือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านเยน

ขี่บนทางเท้าไม่ชิวอย่างที่คิด

ในบ้านเรา ใครใคร่อยากปั่นจักรยานบนทางเท้าก็ปั่นไป อยากขอทางก็กดกริ่ง แต่ที่ญี่ปุ่นไม่ได้เด็ดขาด ! หากคุณกดกริ่งใส่คนเดินเท้าซี้ซั้ว คนญี่ปุ่นได้มองค้อน แจ้งจับคุณได้เลย เพราะที่นี่ให้อภิสิทธิ์คนเดินเท้าเป็นพิเศษ สำหรับโทษของการกดกริ่งใส่คนเดินเท้า คือ ปรับ 20,000 เยน

 

ข้อควรรู้สำหรับการขับรถที่ฮอกไกโด

ถ้าเพื่อน ๆ ตัดสินใจจะทัวร์ฮอกไกโดในหน้าร้อนด้วยการเช่ารถขับแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรรู้ คือ กฎจราจรเบื้องต้นของญี่ปุ่น เพราะถึงแม้ในไทยกับญี่ปุ่นจะขับพวงมาลัยขวาเหมือนกัน แต่บอกเลยว่าไม่ชิวอย่างที่ทุกคนคิด

ลืมกฎเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด

ที่นี่ไม่มีกฎเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด คุณจะเลี้ยวได้ก็ต่อเมื่อสัญญาณไฟขึ้นเขียวเท่านั้น หากเลี้ยวสุ่มสี่สุ่มห้า นอกจากจะเสี่ยงติดคุกหัวโตแล้ว ยังอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ ด้วย

ใบขับขี่สากล

ก่อนไปเช่ารถขับ ให้เพื่อน ๆ ทำใบขับขี่สากลให้เรียบร้อย หากไม่มี โทษปรับสูงสุด 5 แสนบาท

ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับขี่

ที่ญี่ปุ่น ตำรวจทำงานกวดขันตลอด 24 ชั่วโมง อย่าคิดว่าแค่ยกโทรศัพท์แป๊บเดียวจะไม่มีใครเห็น เพราะมีกล้องแทบทุกที่บนถนน และโทษปรับของการใช้โทรศัพท์ตอนขับรถยนต์ คือ ปรับสูงสุด 5 แสนบาท

เมื่อเพื่อน ๆ ทราบแล้วว่าไปเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนต้องเดินทางไปเดือนไหนดี ก็อย่าลืมตรวจสอบสิ่งสำคัญก่อนออกเดินทาง นั่นคือ ตรวจเช็กสภาพอากาศให้เรียบร้อย เพราะฮอกไกโดสภาพอากาศแปรปรวนตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหน้าร้อนจะเป็นฤดูมรสุม ทำให้มีฝนตกหนักเป็นพิเศษ ซึ่งหากเกิดพายุเข้าการขนส่งสาธารณะญี่ปุ่นจะหยุดให้บริการทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

สำหรับ สายกิน ช้อป เที่ยว เจแปนเลิฟเวอร์ ต้องมีบัตรเครดิต กรุงศรี เจซีบี แพลทินัม พร้อมรับสิทธิประโยชน์ดี ๆ มากมาย เช่นรับเครดิตเงินคืน 3%* เมื่อใช้จ่ายที่ร้านอาหารทั่วโลก รับเครดิตเงินคืน 1%* เมื่อใช้จ่ายที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศที่ร่วมรายการ บริการ Airport Lounge ที่สนามบินในประเทศญี่ปุ่นและอีก 9 ประเทศที่ร่วมรายการ และประกันอุบัติเหตุการเดินทาง ทั้งในและต่างประเทศ มีบัตรเครดิต JCB ไว้เที่ยวญี่ปุ่น รับรองว่าสนุกในแบบสุดคุ้มแน่นอน สมัครเลย !

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด

*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี



สมัครบัตรเครดิต กรุงศรี เจซีบี แพลทินัม