พูดคุยกับเราได้ที่

0 2646 3555

พิลาทิสช่วยอะไร ? รู้จักประโยชน์ที่น่าสนใจของการเล่นพิลาทิส

พิลาทิสช่วยอะไร ? รู้จักประโยชน์ที่น่าสนใจของการเล่นพิลาทิส
 
   
พิลาทิสช่วยอะไร ควรเล่นบ่อยแค่ไหนให้ได้ผลดี
พิลาทิสช่วยอะไร ควรเล่นบ่อยแค่ไหนให้ได้ผลดี
 


การออกกำลังกายในยุคปัจจุบัน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การวิ่งหรือเข้ายิมเหมือนในอดีต ซึ่งหนึ่งในรูปแบบการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็คือ "พิลาทิส" (Pilates) โดยความนิยมที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะพิลาทิสเป็นการออกกำลังกายที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ต้องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งความแข็งแรงของร่างกาย ความยืดหยุ่น และสุขภาพจิตใจ ไม่เพียงเท่านั้น เหล่าคนดังระดับโลก และแม้แต่นักกีฬามืออาชีพหลายคน ต่างก็เลือกให้พิลาทิสเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรการดูแลร่างกาย

สำหรับใครที่กำลังสนใจการออกกำลังกายประเภทนี้ เรามาดูกันว่า พิลาทิสช่วยอะไร ควรเล่นตอนไหน และมือใหม่ควรเล่นอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

พิลาทิสคืออะไร ?

 

รู้จักพิลาทิส ผ่าน โจเซฟ พิลาทิส ผู้ให้กำเนิดแนวคิด

พิลาทิส พัฒนาขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดย โจเซฟ พิลาทิส (Joseph Pilates) ผู้มีพื้นฐานจากทั้งโยคะ ยิมนาสติก และการฝึกศิลปะการต่อสู้ เขาเริ่มพัฒนารูปแบบการออกกำลังกายนี้ในช่วงที่เขาทำหน้าที่เป็นพยาบาลดูแลทหารที่บาดเจ็บในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งต้องเผชิญกับข้อจำกัดมากมาย ทั้งเรื่องอุปกรณ์การรักษาและสภาพร่างกายของผู้ป่วย โจเซฟจึงคิดค้นการออกกำลังกายที่สามารถฟื้นฟูร่างกายได้โดยไม่ต้องใช้แรงกระแทกมาก แต่ยังคงช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เราเรียกว่า “พิลาทิส” ในวันนี้

 

เคล็ดลับสำคัญของพิลาทิส : หายใจ เคลื่อนไหว และควบคุม

การฝึกพิลาทิสแตกต่างจากการออกกำลังกายทั่วไปตรงที่ ไม่เน้น “ออกแรงหนัก” แต่เน้น “ควบคุมการเคลื่อนไหว” โดยทุกท่าจะออกแบบให้สัมพันธ์กับการหายใจ ควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล และการใช้กล้ามเนื้อแกนกลางเป็นหลัก แม้ดูเหมือนไม่เหนื่อยมาก แต่การฝึกแต่ละครั้งจะช่วยให้ร่างกายได้เรียนรู้การเคลื่อนไหวอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยลดการใช้งานกล้ามเนื้อเกินจำเป็น และช่วยให้เราสามารถควบคุมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

 

พิลาทิสช่วยอะไร ทำไมจึงเป็นที่นิยมในหมู่คนรักสุขภาพ

เหตุผลหนึ่งที่พิลาทิสเป็นที่นิยม เพราะเป็นกิจกรรมที่ตอบโจทย์คนที่อยากแข็งแรงแบบไม่ฝืนร่างกาย ซึ่งหลายคนเริ่มต้นด้วยความคิดที่ว่า อยากแก้อาการปวดหลัง ปวดคอ ที่เกิดจากการนั่งทำงานในท่าเดิมนาน ๆ แล้วจึงค่อย ๆ ค้นพบว่า พิลาทิสสามารถช่วยได้มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้ท่าทางในการเคลื่อนไหวร่างกายดูดีขึ้น ช่วยลดอาการบาดเจ็บเรื้อรัง หรือแม้แต่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและจิตใจสงบขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถปรับระดับความยากง่ายได้ตามความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมออยู่แล้ว พิลาทิสจึงกลายเป็นกิจกรรมที่หลายคนเลือกทำเป็นประจำ เพื่อดูแลร่างกายแบบยั่งยืนและเป็นมิตรกับตัวเอง

 

พิลาทิสต่างจากการออกกำลังกายอื่นอย่างไร ?

แม้พิลาทิสจะดูคล้ายกับการออกกำลังกายแบบโยคะ หรือการยืดเหยียดทั่วไป แต่จริง ๆ แล้ว พิลาทิสมีพื้นฐานแนวคิดที่แตกต่าง และมีจุดประสงค์เฉพาะที่ทำให้หลายคนรู้สึกว่าเหมาะกับร่างกายตัวเองมากกว่า

 

ความแตกต่างของพิลาทิส VS โยคะ

พิลาทิส (Pilates) โยคะ (Yoga)
เน้นการควบคุมการเคลื่อนไหวและเสริมกล้ามเนื้อแกนกลาง เน้นการฝึกสมาธิ ความสงบ และการเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตใจ
ใช้ท่าทางที่ต้องมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแรง เน้นท่าทางที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อ
เน้นผลลัพธ์ทางร่างกายเป็นหลัก เช่น รูปร่าง กล้ามเนื้อ เน้นผลลัพธ์ทางจิตใจ ความสงบ ความยืดหยุ่นทางอารมณ์
 

จุดเด่นที่ทำให้หลายคนหันมาเล่นพิลาทิส

สิ่งที่ทำให้พิลาทิสได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คือความรู้สึกว่าร่างกายได้รับการฟื้นฟูอย่างตรงจุด โดยเฉพาะคนที่ทำงานหน้าจอเป็นเวลานาน จนมีอาการปวดหลัง คอ ไหล่ หรือเริ่มรู้สึกว่าร่างกายไม่สมดุล พิลาทิสสามารถช่วยปรับท่าทางให้ดีขึ้นได้จริง ด้วยการสร้างความแข็งแรงจากกล้ามเนื้อแกนกลาง โดยไม่เน้นแรงกระแทก

  • เหมาะกับคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายแบบใช้แรงมาก
  • ช่วยฟื้นฟูอาการปวดเรื้อรังได้อย่างปลอดภัย
  • ฝึกได้ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นจนถึงระดับมืออาชีพ
  • เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนทั้งเรื่องรูปร่างและการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
 

อุปกรณ์ที่ต้องมีในการเล่นพิลาทิส

พิลาทิสสามารถฝึกได้ทั้งแบบบนเสื่อ (Mat Pilates) และแบบมีเครื่อง (Reformer Pilates) โดยมีอุปกรณ์ที่จำเป็นดังนี้

  • เสื่อโยคะหรือเสื่อพิลาทิส : อุปกรณ์พื้นฐานที่ต้องมี ช่วยลดแรงกระแทกและรองรับสรีระ
  • ยางยืด : สำหรับฝึกแรงต้านเบา ๆ เหมาะกับการฝึกกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน
  • ลูกบอลพิลาทิส (Pilates Ball) : ใช้ฝึกกล้ามเนื้อหน้าท้องและหลัง
  • วงแหวนพิลาทิส (Pilates Ring) : ช่วยเพิ่มแรงต้านในบางท่า
  • Reformer : เครื่องพิลาทิสที่มาพร้อมสปริงและรอก ช่วยให้ฝึกได้หลากหลายขึ้น เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีประสบการณ์หรือผ่านการเล่นขั้นพื้นฐานมาแล้ว
 

พิลาทิสช่วยอะไรได้บ้าง

 

การเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลาง

หนึ่งในเป้าหมายหลักของพิลาทิส คือการฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง หรือกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้อง หลังส่วนล่าง และเชิงกราน ซึ่งการมีกล้ามเนื้อแกนกลางที่แข็งแรงนั้นมาพร้อมประโยชน์มากมาย

  • ช่วยพัฒนาความแข็งแรงของหน้าท้องและหลัง ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคง
  • ช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กระดูกสันหลัง ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บจากการใช้งานในระยะยาว
  • ช่วยให้การออกกำลังกายรูปแบบอื่นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
 

การพัฒนาท่าทางและการทรงตัว

พิลาทิสไม่ได้ฝึกแค่กล้ามเนื้อ แต่ยังช่วยให้เรารู้จักร่างกายตัวเองดีขึ้น เพราะการเคลื่อนไหวอย่างมีสติจะช่วยแก้ไขท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น ไหล่ห่อ หลังค่อม หรือการเดินแบบเอียงสะโพกโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยจากการทำงาน โดยเฉพาะคนที่เผชิญกับกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม

 

การฟื้นฟูร่างกาย

อีกจุดเด่นที่ทำให้พิลาทิสเป็นที่นิยมในวงการกายภาพบำบัด คือความอ่อนโยนต่อข้อต่อและกล้ามเนื้อ จึงสามารถนำมาใช้กับการฟื้นฟูหลังการบาดเจ็บ หรืออาการเจ็บเรื้อรังได้

  • ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง ซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยในผู้ที่นั่งทำงานเป็นเวลานาน
  • ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากการบาดเจ็บ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถออกกำลังกายหนักได้
 

ประโยชน์ด้านจิตใจ

นอกจากผลทางกายภาพแล้ว พิลาทิสยังช่วยให้เรารู้สึกว่าได้เชื่อมโยงกับตัวเองมากขึ้น เพราะการหายใจอย่างมีจังหวะ ร่วมกับการเคลื่อนไหวที่เนิบช้า จะทำให้เรามีสมาธิอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี

 

พิลาทิสควรเล่นตอนไหน ? แนะนำการจัดตารางฝึกพิลาทิสให้เหมาะสม

 

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฝึก

การเลือกเวลาฝึกพิลาทิสสามารถปรับได้ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ซึ่งแต่ละช่วงเวลาก็มีข้อดีที่แตกต่างกันไป

  • การฝึกช่วงเช้า
    เหมาะกับคนที่ต้องการเริ่มต้นวันอย่างกระฉับกระเฉง พิลาทิสสามารถช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและปลุกสมองให้ตื่นตัว
    ข้อดี : ได้เริ่มต้นวันอย่างมีสมาธิ และไม่รบกวนตารางงาน
    ข้อควรระวัง : ควรอบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ เพื่อหลีกเลี่ยงการฝึกบนร่างกายที่ยังตึงเกินไป
  • การฝึกช่วงเย็น
    เหมาะกับคนที่ต้องการคลายความตึงเครียดจากการทำงาน โดยเฉพาะอาการปวดไหล่ ปวดหลัง และความเครียดทางจิตใจ
    ข้อดี : ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายก่อนเข้านอน และแก้อาการออฟฟิศซินโดรม
    ข้อควรระวัง : หลีกเลี่ยงการฝึกหนักเกินไปก่อนนอน เพราะอาจส่งผลให้นอนไม่หลับได้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะเลือกเล่นพิลาทิสตอนไหน สิ่งที่สำคัญกว่าคือความสม่ำเสมอ เพราะไม่ว่าจะเช้าหรือเย็น ถ้าเลือกเวลาที่ไม่รบกวนตารางชีวิต ก็มีโอกาสที่จะฝึกได้ต่อเนื่อง และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน

 

พิลาทิสควรเล่นบ่อยแค่ไหน ?

  • สำหรับผู้เริ่มต้น
    แนะนำเริ่มต้นที่ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว และไม่รู้สึกหนักเกินไป โดยเฉพาะถ้าไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน
  • สำหรับผู้มีประสบการณ์
    หากร่างกายเริ่มปรับตัวได้ดีแล้ว อาจเพิ่มเป็น 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การจัดสรรเวลาพักฟื้น
    แม้พิลาทิสจะเป็นการฝึกที่อ่อนโยน แต่กล้ามเนื้อยังคงต้องการการฟื้นฟู แนะนำให้มีวันพักอย่างน้อย 1-2 วันต่อสัปดาห์ หรือสลับวันเบาและวันหนักตามความเหมาะสม
  • การผสมผสานกับการออกกำลังกายอื่น
    พิลาทิสสามารถเสริมเข้ากับกิจกรรมอื่น เช่น คาร์ดิโอ หรือเวทเทรนนิ่ง ได้เป็นอย่างดี เพราะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความมั่นคง และลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ ยกตัวอย่างเช่น วันจันทร์-พุธฝึกพิลาทิส วันศุกร์ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ และหยุดพักในวันเสาร์
 

การดูแลสุขภาพด้วยพิลาทิส เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว และสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต กรุงศรี เลดี้ ไทเทเนี่ยม บัตรเครดิตสำหรับผู้หญิง ไม่มีค่าธรรมเนียม ที่ช่วยให้การเริ่มต้นดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เพราะคุณสามารถแบ่งชำระค่าคอร์สพิลาทิส 0% นานถึง 4 เดือน ผ่านสิทธิพิเศษ LADY'S LIGHT PAY พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 7% จากแบรนด์ชั้นนำด้านสุขภาพและความงาม ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียน อุปกรณ์ออกกำลังกาย หรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่าง ๆ สมัครบัตรเครดิตเพื่อผู้หญิง ได้เลยวันนี้ เพื่อวางแผนการดูแลสุขภาพของคุณได้อย่างสบายใจ




*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

 

ข้อมูลอ้างอิง



บัตรเครดิต กรุงศรี แพลทินัม