พูดคุยกับเราได้ที่

0 2646 3555

เทียบความคุ้ม ! บัตรเครดิตใช้ต่างประเทศ VS Travel Card

เทียบความคุ้ม ! บัตรเครดิตใช้ต่างประเทศ VS Travel Card
 
   

สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ หลายคนเลือกที่จะพก "บัตร" แทนการถือเงินสด เนื่องจากสะดวก ปลอดภัย และยังช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญที่มักเกิดขึ้นคือ "ควรใช้บัตร Travel Card หรือบัตรเครดิตดี ?" ซึ่งแท้จริงแล้ว ทั้งสองตัวเลือกนี้ต่างมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนั้น เราจะพาคุณไปวิเคราะห์แบบเจาะลึกถึงจุดเด่น ข้อจำกัด และความเหมาะสมของบัตรทั้งสองประเภท เพื่อให้คุณเลือกใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุดในแต่ละทริป

 
นักท่องเที่ยวกำลังผูกบัตรเครดิตสำหรับใช้ต่างประเทศกับแอปพลิเคชันจ่ายเงิน
นักท่องเที่ยวกำลังผูกบัตรเครดิตสำหรับใช้ต่างประเทศกับแอปพลิเคชันจ่ายเงิน
 


รู้จักบัตร Travel Card

บัตร Travel Card หรือที่เรียกอีกชื่อว่า "บัตรเติมเงินสำหรับการเดินทาง" (Prepaid Travel Card) คือบัตรที่ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเติมเงินก่อนนำไปใช้ โดยสามารถเติมเป็นสกุลเงินต่างประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร เยน หรือแม้แต่เงินบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการแต่ละราย

จุดเด่นของบัตร Travel Card

  • สามารถใช้งานได้เหมือนบัตรเครดิต/เดบิต ไม่ว่าจะเป็นการรูดซื้อของ ถอนเงิน และอื่น ๆ
  • ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี เนื่องจากใช้ได้เฉพาะเท่าที่เติมเข้าไปเท่านั้น
  • อัตราแลกเปลี่ยนชัดเจน เพราะคุณจะได้อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาที่เติมเงิน จึงไม่มีความผันผวนในช่วงที่ใช้จ่าย
  • ปลอดภัยกว่าการพกเงินสด และไม่จำเป็นต้องผูกกับบัญชีหลัก
  • เหมาะสำหรับทริปสั้น ๆ ทำให้ควบคุมงบได้ง่ายและไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกินตัว
 

ข้อจำกัดของบัตร Travel Card

  • ต้องเติมเงินล่วงหน้า ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับบางคน
  • มีค่าธรรมเนียมบางประเภท เช่น ค่าธรรมเนียมการออกบัตร รวมถึงค่าธรรมเนียมเมื่อถอนเงิน
  • สิทธิพิเศษหรือ Reward มีน้อย เมื่อเทียบกับบัตรเครดิต ทำให้อาจเสียโอกาสสะสมแต้มหรือรับสิทธิประโยชน์
  • ใช้ได้เฉพาะสกุลเงินที่รองรับ หากคุณวางแผนเดินทางไปหลายประเทศ อาจจำเป็นต้องเปิดใช้งานหลายสกุลเงิน
 

รู้จักบัตรเครดิตสำหรับใช้ต่างประเทศ

บัตรเครดิตสำหรับใช้ต่างประเทศ (Credit Card) คือบัตรที่ให้คุณรูดใช้จ่ายก่อนแล้วค่อยชำระเงินทีหลัง โดยได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักเดินทาง ทั้งนี้เพราะไม่เพียงแค่ใช้งานง่าย แต่ยังมาพร้อมกับสิทธิพิเศษมากมายจากทั้งธนาคารและผู้ให้บริการ

 

จุดเด่นของบัตรเครดิตสำหรับใช้ต่างประเทศ

  • สะดวก ไม่ต้องเติมเงินก่อน ทำให้คุณสามารถใช้จ่ายได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องยอดเงินคงเหลือ
  • อัตราแลกเปลี่ยนตามระบบ MasterCard / Visa ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นเรตที่ดีในระดับหนึ่ง
  • ระบบ Reward หลากหลาย ทั้ง Cashback, Miles และแต้มสะสมที่สามารถแลกเป็นสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้
  • เหมาะกับการจองตั๋ว จองโรงแรม หรือเช่ารถ เนื่องจากอาจได้รับส่วนลดพิเศษ และสามารถขอเงินคืน (Refund) ได้ในกรณีที่เปลี่ยนแผนการเดินทาง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เงินคืนจะกลับเข้าบัตรภายในระยะเวลา 0-45 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร
  • มีระบบป้องกันความปลอดภัย และสามารถอายัดบัตรได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหา ช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องใช้จ่ายในต่างประเทศ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย เพราะยิ่งใช้มาก ยิ่งได้สิทธิประโยชน์มาก
 

ข้อจำกัดของบัตรเครดิตสำหรับใช้ต่างประเทศ

  • มีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน (Foreign Transaction Fee) ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1-3% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด
  • อัตราแลกเปลี่ยนอาจไม่แน่นอน เนื่องจากขึ้นอยู่กับวันที่มีการตัดยอด ซึ่งในบางกรณีอาจทำให้คุณได้เรตไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
 

เปรียบเทียบแบบชัด ๆ บัตร Travel Card VS บัตรเครดิตใช้ต่างประเทศ ต่างกันอย่างไร ?

คุณสมบัติ บัตร Travel Card บัตรเครดิตใช้ในต่างประเทศ
การควบคุมค่าใช้จ่าย ใช้เท่าที่เติม ใช้ตามวงเงินในบัตร
อัตราแลกเปลี่ยน ล็อกเรตได้ตอนเติมเงิน ขึ้นกับเรตวันใช้งาน
ค่าธรรมเนียมต่างประเทศ มีบ้าง ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ โดยทั่วไป 1-3%
สิทธิพิเศษ/Reward มีน้อย มีหลากหลาย เช่น Cashback, Miles
ความสะดวก ต้องเติมเงิน ใช้จ่ายได้ทันที
ความปลอดภัย ไม่ผูกบัญชีหลัก มีระบบป้องกัน สามารถอายัดบัตรได้
การใช้งานเฉพาะกิจ ดี เหมาะสำหรับทริปสั้น ๆ เหมาะกับผู้เดินทางบ่อย
 

บัตร Travel Card VS บัตรเครดิต สถานการณ์ไหนควรใช้บัตรแบบใด ?

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น มาดูกันว่าในแต่ละสถานการณ์ บัตรประเภทไหนจะคุ้มค่าและเหมาะสมกว่ากัน

  • เที่ยวระยะสั้น / ไปประเทศเดียว : เลือก Travel Card หรือบัตรเครดิตที่มีโปรโมชันพิเศษสำหรับการเดินทาง เนื่องจากช่วยให้คุณควบคุมงบประมาณได้ดี โดยคุณสามารถเติมเงินเท่าที่วางแผนจะใช้ ทำให้ไม่มีความเสี่ยงในการใช้จ่ายเกินวงเงินที่ตั้งไว้
  • เที่ยวหลายประเทศ หรือทัวร์ยาว : เลือกบัตรเครดิตใช้ในต่างประเทศ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องกังวลกับการเปิดใช้งานหลายสกุลเงิน อีกทั้งยังสะดวกสำหรับการจองโรงแรมหรือตั๋วเครื่องบินระหว่างการเดินทาง
  • ใช้รูดซื้อของเล็กน้อย เช่น ของฝาก ของกิน : เลือก Travel Card หรือบัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน เพราะปัจจุบันมีบัตรเครดิตหลายใบที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน ทำให้คุณประหยัดได้มากกว่าสำหรับการใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ
  • จองโรงแรม เช่ารถ : เลือกบัตรเครดิตใช้ในต่างประเทศ เนื่องจากผู้ให้บริการส่วนใหญ่มักไม่ยอมรับ Travel Card และมักจะต้องการข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อเป็นการค้ำประกัน
  • ต้องการสะสมแต้ม แลกไมล์ หรือส่วนลดร้านค้า : เลือกบัตรเครดิตใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นสายสะสมไมล์เดินทาง เพราะทุกยอดใช้จ่ายจะสามารถนำไปแลกเป็นสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้
 
คุณแม่พาลูกเที่ยวต่างประเทศโดยใช้บัตรเครดิตใช้ในต่างประเทศจองที่พักและตั๋วเครื่องบิน
คุณแม่พาลูกเที่ยวต่างประเทศโดยใช้บัตรเครดิตใช้ในต่างประเทศจองที่พักและตั๋วเครื่องบิน
 

สำหรับคนที่สนใจบัตรเครดิตใช้ในต่างประเทศ ขอแนะนำบัตรเครดิต กรุงศรี ที่มีสิทธิประโยชน์ให้เลือกหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต กรุงศรี แพลทินัม ที่มีประกันอุบัติเหตุการเดินทางคุ้มครองสูงสุดถึง 6 ล้านบาท บัตรเครดิต กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มอบสิทธิพิเศษทั้งการอัปเกรดชั้นโดยสารและบริการห้องรับรองที่สนามบินทั่วโลก บัตรเครดิต กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ซิกเนเจอร์ ระดับสูงที่มาพร้อมบริการรถลิมูซีนส่วนตัว รวมถึงบัตรเครดิต กรุงศรี ซิกเนเจอร์ สำหรับผู้ที่เดินทางบ่อยด้วยสิทธิพิเศษบัตรเครดิต DragonPass Lounge เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางของคุณในทุกทริปให้เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ปลอดภัย และคุ้มค่าอย่างที่สุด สนใจข้อมูลเพิ่มเติมของบัตรเครดิต ธนาคารกรุงศรี สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsricard.com/th/Product

 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

 

ข้อมูลอ้างอิง:



บัตรเครดิต กรุงศรี ซิกเนเจอร์