การแช่ออนเซ็น เป็นวัฒนธรรมการแช่น้ำพุร้อนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของญี่ปุ่น ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการอาบน้ำธรรมดา แต่ยังเป็นพิธีกรรมทางวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี การแช่ออนเซ็นนั้นมีประโยชน์มากมายทั้งต่อร่างกายและจิตใจ แต่จะแช่อย่างไรให้ถูกวิธีและเหมาะสมกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ? มาทำความรู้จักกับวัฒนธรรมการแช่ออนเซ็นกันให้มากขึ้น
1. ความเป็นมาและประเภทของออนเซ็น
ออนเซ็นในญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1,000 ปี โดยมีการบันทึกการใช้บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติเพื่อการบำบัดและการผ่อนคลายตั้งแต่สมัยโบราณ แต่เดิมมีการค้นพบออนเซ็นโดยพระในศาสนาพุทธที่เดินทางไปตามภูเขา และได้พบบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีสัตว์ป่าบาดเจ็บมาแช่เพื่อรักษาบาดแผล
ในเวลาต่อมา ออนเซ็นได้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับซามูไรและขุนนางชั้นสูง ก่อนที่จะแพร่หลายสู่ประชาชนทั่วไปในสมัยเอโดะ
ออนเซ็นในญี่ปุ่นมีหลายประเภท แบ่งได้ตามลักษณะการใช้งานและองค์ประกอบทางเคมี ดังนี้
ตามลักษณะสถานที่
- โรเทมบุโระ (Rotemburo) คือ ออนเซ็นกลางแจ้งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ บางแห่งมีวิวภูเขา ทะเล หรือป่าไม้ที่สวยงาม
- อุจิยุ (Uchiyu) คือ ออนเซ็นในร่ม ที่ให้ความเป็นส่วนตัวและสามารถใช้บริการได้ในทุกสภาพอากาศ
ตามองค์ประกอบแร่ธาตุ
- น้ำกำมะถัน (Sulfur) มีกลิ่นแร่กำมะถัน ช่วยรักษาโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดข้อ และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค
- น้ำโซดา (Carbonated) อุดมไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดความดันโลหิต
- น้ำเกลือ (Salt) ช่วยในการรักษาบาดแผล ทำให้ผิวชุ่มชื้น และบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
- น้ำเหล็ก (Iron) มีสีแดงหรือน้ำตาล ช่วยบำรุงเลือด และรักษาโรคโลหิตจาง
ตามรูปแบบการบริการ
- เซ็นโต (Sento) คือ บ่อน้ำร้อนสาธารณะในเมือง ใช้น้ำที่ผ่านการทำให้ร้อนโดยไม่ได้มาจากน้ำพุร้อนธรรมชาติ
- ออนเซ็นสาธารณะ เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติสาธารณะที่คนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการได้ในราคาที่ไม่แพง
- เรียวกัง (Ryokan) คือ โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีบริการออนเซ็นสำหรับแขกที่เข้าพัก
- คาชิกิริ (Kashikiri) คือ ออนเซ็นส่วนตัวที่สามารถจองเป็นการเฉพาะสำหรับครอบครัวหรือคู่รัก
2. ประโยชน์ของการแช่ออนเซ็น
การแช่น้ำพุร้อนออนเซ็นไม่เพียงแต่เป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ช่วยผ่อนคลาย แต่ยังมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ซึ่งได้รับการยืนยันทั้งจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของญี่ปุ่นและการศึกษาทางการแพทย์สมัยใหม่
บรรเทาอาการปวดเมื่อย
ความร้อนจากน้ำพุร้อนจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดและลดอาการปวดตามข้อต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดจากโรคข้อเสื่อม หรือข้ออักเสบรูมาตอยด์ แร่ธาตุในน้ำยังช่วยลดการอักเสบและบรรเทาความเจ็บปวดได้
กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต
ความร้อนจากน้ำทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่งผลให้เลือดนำออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความดันโลหิตชั่วคราวและส่งเสริมสุขภาพของหัวใจ
ดีท็อกซ์ร่างกาย
ความร้อนจากน้ำพุร้อนทำให้ร่างกายเหงื่อออก ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีธรรมชาติที่ร่างกายใช้กำจัดสารพิษ การเหงื่อออกช่วยล้างสารพิษออกจากผิวหนังและเปิดรูขุมขน ทำให้ผิวหนังสะอาดและสดใสขึ้น
บำรุงผิวพรรณ
แร่ธาตุในน้ำออนเซ็น เช่น ซิลิกา ช่วยทำให้ผิวนุ่มและชุ่มชื้น แร่ธาตุเหล่านี้ยังช่วยรักษาสมดุลความเป็นกรด-ด่างของผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดี หลายคนสังเกตว่าหลังการแช่ออนเซ็นเป็นประจำ ผิวพรรณจะเปล่งปลั่งและมีน้ำมีนวลมากขึ้น
ลดความเครียดและส่งเสริมการนอนหลับ
การแช่น้ำอุ่นช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียด (คอร์ติซอล) และเพิ่มการหลั่งของเอนดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้รู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิร่างกายระหว่างการแช่และหลังจากออกจากน้ำ ยังช่วยให้นอนหลับได้ลึกและมีคุณภาพมากขึ้น
บรรเทาอาการภูมิแพ้และปัญหาระบบทางเดินหายใจ
ไอน้ำและแร่ธาตุจากน้ำพุร้อนบางประเภท โดยเฉพาะน้ำกำมะถัน ช่วยบรรเทาอาการของโรคหอบหืด ภูมิแพ้ และปัญหาระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ การสูดไอน้ำช่วยให้หลอดลมขยายตัวและลดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ
3. มารยาทและวิธีการแช่ออนเซ็นที่ถูกต้อง
ขั้นตอนการแช่ออนเซ็นแบบดั้งเดิม
การแช่ออนเซ็นในญี่ปุ่น ไม่ใช่เพียงการลงไปแช่น้ำร้อนเท่านั้น แต่มีขั้นตอนและพิธีการที่ควรปฏิบัติตาม
- ล้างร่างกายให้สะอาดก่อน : ก่อนลงแช่ออนเซ็น ต้องชำระร่างกายให้สะอาดที่บริเวณอ่างล้างตัว (ยุนิตะซุ) ซึ่งมักจะอยู่แยกจากบ่อออนเซ็น และควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่าชำระล้างจนสะอาดดีแล้ว ไม่มีฟองสบู่หรือขี้ไคลติดตัวแน่นอน ซึ่งการล้างร่างกายก่อนลงแช่เป็นมารยาทสำคัญเพื่อรักษาความสะอาดของน้ำออนเซ็นสำหรับทุกคน
- ใช้ผ้าเช็ดตัวขนาดเล็ก (เทนุกุย) : นำผ้าเช็ดตัวขนาดเล็กที่มักจะมีให้ในออนเซ็นเพื่อปกปิดร่างกายระหว่างเดินจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปยังบ่อน้ำ
- ลงแช่อย่างช้า ๆ : ค่อย ๆ ลงแช่เพื่อให้ร่างกายปรับตัวกับอุณหภูมิน้ำที่ร้อน โดยทั่วไปอุณหภูมิของน้ำออนเซ็นจะอยู่ระหว่าง 40-44 องศาเซลเซียส
- ไม่จุ่มศีรษะลงในน้ำ : แช่เฉพาะร่างกายจากคอลงไป ไม่ควรจุ่มศีรษะหรือผมลงในน้ำ
ข้อปฏิบัติสำคัญ
- ไม่สวมชุดว่ายน้ำ : ในออนเซ็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ผู้ใช้บริการจะต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดก่อนลงแช่ การสวมชุดว่ายน้ำไม่เพียงขัดกับวัฒนธรรม แต่ยังอาจทำให้สารเคมีจากชุดว่ายน้ำปนเปื้อนลงในน้ำ
- ไม่นำผ้าเช็ดตัวลงไปในน้ำ : ผ้าเช็ดตัวขนาดเล็กที่นำมาด้วยควรวางไว้บนศีรษะหรือข้างบ่อ ไม่ควรแช่ผ้าลงในน้ำเพื่อรักษาความสะอาด
- ไม่ใช้สบู่หรือแชมพูในบ่อออนเซ็น : การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใด ๆ ในบ่อออนเซ็นเป็นสิ่งต้องห้าม เนื่องจากจะทำให้น้ำสกปรกและอาจทำลายคุณสมบัติของแร่ธาตุในน้ำ
- ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนหรือระหว่างการแช่ : แอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและอาจเป็นอันตรายเมื่อรวมกับอุณหภูมิน้ำที่สูง
- ไม่นำอาหารหรือเครื่องดื่มเข้าไปในบริเวณออนเซ็น : การรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มควรทำในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการแช่
การแช่ออนเซ็นไม่ควรนานเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายร้อนเกินไปและเกิดภาวะขาดน้ำได้
- ระยะเวลาที่แนะนำ : 3-10 นาทีต่อครั้ง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการแช่น้ำร้อน
- พักระหว่างการแช่ : หลังจากแช่ครบตามเวลาที่กำหนด ควรขึ้นจากบ่อและพักให้ร่างกายเย็นลง ประมาณ 5-10 นาที ก่อนที่จะลงแช่อีกครั้ง
- จำนวนครั้งที่เหมาะสม : สามารถแช่ได้ 2-3 รอบ หรือตามที่ร่างกายรู้สึกสบาย
ที่สำคัญคือควรจิบน้ำเรื่อย ๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากการเหงื่อออก
ข้อควรระวังสำหรับผู้มีโรคประจำตัว
ถึงแม้ว่าการแช่ออนเซ็นจะมีประโยชน์มากมาย แต่ไม่เหมาะสำหรับทุกคน ผู้ที่มีสภาวะสุขภาพบางอย่างควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- โรคหัวใจ : ผู้ที่มีโรคหัวใจควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากความร้อนอาจเพิ่มการทำงานของหัวใจ
- ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ : การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรวดเร็วอาจส่งผลต่อความดันโลหิต
- สตรีมีครรภ์ : ควรหลีกเลี่ยงการแช่น้ำที่ร้อนเกินไป และควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง : บางคนอาจแพ้แร่ธาตุบางชนิดในน้ำออนเซ็น
- ผู้ที่มีรอยสัก : ออนเซ็นบางแห่งไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีรอยสักเข้าใช้บริการ เนื่องจากความกังวลเรื่องการปนเปื้อน เพราะหากรอยสักยังใหม่หรือยังไม่หายสนิท อาจมีโอกาสที่หมึกสักจะละลายออกมาปนเปื้อนในน้ำออนเซ็นได้ (โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก) ดังนั้นจึงควรตรวจสอบว่าออนเซ็นที่ต้องการใช้บริการอนุญาตให้ผู้มีรอยสักลงแช่ออนเซ็นได้หรือไม่
มารยาทในการใช้พื้นที่ร่วมกับผู้อื่น
การแช่ออนเซ็นเป็นกิจกรรมทางสังคมที่ต้องคำนึงถึงความสบายใจของผู้อื่นด้วย โดยควรปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ดังนี้
- รักษาความเงียบ ออนเซ็นเป็นสถานที่สำหรับการผ่อนคลาย ควรพูดคุยเบา ๆ หรือรักษาความเงียบ
- ระมัดระวังการมองผู้อื่น หลีกเลี่ยงการจ้องมองผู้อื่นเพื่อให้ทุกคนรู้สึกสบายใจ
- ไม่ดำน้ำหรือว่ายน้ำ ออนเซ็นไม่ใช่สระว่ายน้ำ การกระโดดลงน้ำหรือว่ายน้ำเป็นการรบกวนผู้อื่น
- เช็ดตัวให้แห้งก่อนกลับเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไม่ให้พื้นเปียกและป้องกันอุบัติเหตุการลื่นล้ม
- ทิ้งขยะในที่ที่จัดไว้ เพื่อรักษาความสะอาดของพื้นที่ส่วนรวม
สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ ๆ กับสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิต กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง
เพิ่มความพิเศษให้การเดินทางไปญี่ปุ่นของคุณด้วย บัตรเครดิตสำหรับลูกค้า Wealth บัตรเครดิต กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง ที่มอบสิทธิประโยชน์เหนือระดับสำหรับการท่องเที่ยวและการพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็น
- อัปเกรดชั้นบัตรโดยสารสายการบิน สูงขึ้น 1 ระดับ
- รับสิทธิ์ในการใช้บริการรถลีมูซีนส่วนตัว ระหว่างสนามบินและที่พัก ทั้งต่างประเทศและภายในประเทศ
- บริการฟิตเนสชั้นนำ
- รับส่วนลดพิเศษ ณ ห้องอาหารและโรงแรมชั้นนำ
- วงเงินคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ สูงสุด 35 ล้านบาท
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี