พูดคุยกับเราได้ที่

0 2646 3555

แนะนำ 6 สนามกอล์ฟในพื้นที่รอบกรุงเทพฯ ที่สายไดร์ฟต้องลอง

แนะนำ 6 สนามกอล์ฟในพื้นที่รอบกรุงเทพฯ ที่สายไดร์ฟต้องลอง

 
   


“กอล์ฟ” เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มนักธุรกิจและผู้ที่ต้องการผ่อนคลายท่ามกลางบรรยากาศเขียวขจี สนามกอล์ฟจึงไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ออกกำลังกาย แต่ยังเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ เสริมโอกาสในการสร้างคอนเนกชันระดับพรีเมียม สนามตีกอล์ฟจึงเป็นมากกว่าสถานที่ฝึกซ้อม หรือออกรอบ แต่สามารถยังสะท้อนตัวตน ความชอบ ไปจนถึงระดับของผู้เล่นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่รายล้อมด้วยสนามกอล์ฟหลากหลายรูปแบบที่ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ระดับ Beginner หรือโปรกอล์ฟระดับ Elite ก็สามารถหาสนามที่เหมาะสมเข้ากับสไตล์การเล่นได้ง่ายดาย

 
สนามตีกอล์ฟสถานที่ฝึกซ้อมและแหล่งพบปะสังสรรค์ของนักธุรกิจ
สนามตีกอล์ฟสถานที่ฝึกซ้อมและแหล่งพบปะสังสรรค์ของนักธุรกิจ
 


แนะนำสนามกอล์ฟในบริเวณรอบกรุงเทพฯ

 

1. ปัญญา อินทรา กอล์ฟ คลับ (Panya Indra Golf Club)

เปิดด้วยสนามกอล์ฟในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ยอมรับและผ่านการจัดการแข่งขันระดับนานาชาติมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ด้วยพื้นที่กว่า 800 ไร่ ท่ามกลางบรรยากาศอันโปร่งสบายและร่มรื่นบนถนนรามอินทรา พร้อมรองรับนักกอล์ฟด้วยสนาม 27 หลุม ประกอบด้วยสนามกอล์ฟระดับแชมป์ 9 หลุม 3 สนามได้แก่ A Lagoon Course สนามติดทะเลสาบ, B Palm Course สนามต้นปาล์ม , C Garden Course สนามสวนพฤกษชาติ ซึ่งแต่ละคอร์สมีระดับการเล่นที่แตกต่างกัน เหมาะสำหรับทั้งการฝึกซ้อม จัดการแข่งขัน และการพบปะสังสรรค์ในกลุ่มนักธุรกิจ

เปิดให้บริการ : ทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์

  • อังคาร-ศุกร์ เวลา 05:30-19:30 น.
  • เสาร์-อาทิตย์ เวลา 05:30-17:30 น.
 

2. สนามกอล์ฟ เมืองแก้ว (Muang Kaew Golf Course)

สนามระดับพรีเมียมที่ตั้งอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ บนถนนบางนา-ตราด กม. 7 ถือเป็นหนึ่งในสนามตีกอล์ฟที่เดินทางสะดวกใกล้กรุงเทพฯ โดยมีทั้งหมด 18 หลุม ได้รับการออกแบบโดย Lee Schmidt จาก Schmidt-Curley ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำสถาปนิกด้านการออกแบบสนามกอล์ฟของโลก ทำให้มีผังที่น่าตื่นเต้น พร้อมกับบังเกอร์ทรายข้างกรีนที่ดูสวยงาม และแฝงด้วยความท้าทายในการเล่น จุดเด่นคือแฟร์เวย์แคบและกรีนที่เร็ว ช่วยให้ผู้เล่นได้พัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศเหมือนอยู่ในสวนสวยและแฟร์เวย์ที่มีต้นไม้ใหญ่เรียงราย

เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 05.30-19.00 น.

 

3. เลควู้ด คันทรี่ คลับ (Lakewood Country Club)

สนามตีกอล์ฟขนาดใหญ่บนถนนบางนา-ตราด กม. 18 ที่ให้บริการแบบครบวงจร โดยเป็นผลงานของ J. Michael Poellet Golf Design Group จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับความร่มรื่นและธรรมชาติ โดยมีการปลูกพันธุ์ไม้หลากหลายกว่า 50 ชนิดทั่วบริเวณสนาม แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบที่ไม่ซ้ำกัน ได้แก่ Lake Course, Wood Course และ Rock Course รวมทั้งหมด 27 หลุม โดยแต่ละแบบประกอบด้วยหลุมการเล่นจำนวน 9 หลุม เพื่อตอบสนองความท้าทายที่แตกต่างกัน

เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น.

 

4. ซัมมิท วินด์มิลล์ กอล์ฟ คลับ (Summit Windmill Golf Club)

ซัมมิท วินด์มิลล์ กอล์ฟ คลับ ตั้งอยู่บริเวณถนนบางนา-ตราด กม. 10.5 เป็นสนามตีกอล์ฟ 18 หลุมที่ได้มาตรฐานระดับแชมเปียนชิปผ่านการออกแบบโดย Nick Faldo หนึ่งในโปรกอล์ฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยมีจุดเด่นคือการเปิดให้บริการทั้งการตีกอล์ฟในช่วงกลางวันและกลางคืน ทำให้นักกอล์ฟสามารถเลือกเวลาเล่นได้อย่างยืดหยุ่น แต่ละหลุมได้รับการออกแบบจัดสวนไว้อย่างสวยงามและเป็นระเบียบ และยังคงความท้าทายไว้ได้อย่างลงตัว ทั้งทะเลสาบ เนินเขา บ่อทราย ซึ่งจัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ท้าทายให้ต้องวางแผนการเล่นในทุกช็อตอย่างรอบคอบ โดยมีโรงแรมภายในสนาม (Summit Windmill Golf Residence) จึงเหมาะสำหรับการพักผ่อนและออกมาไดร์ฟกอล์ฟในช่วงวันหยุด

เปิดให้บริการ : ทุกวัน

  • จันทร์ เวลา 06.00-19.00 น.
  • อังคาร-อาทิตย์ เวลา 06.00-24.00 น.
 

5. อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ (Alpine Golf & Sports Club)

ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จึงจัดเป็นสนามกอล์ฟในรอบเมืองที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ โดยเคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันระดับโลกหลากหลายรายการ มีทั้งหมด 18 หลุม ตัวสนามได้รับการออกแบบโดย ‘Mr.Ron M. Garl’ สถาปนิกชื่อดังระดับโลก สภาพสนามได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยม แฟร์เวย์กว้าง กรีนเรียบและเร็ว เพื่อให้นักกอล์ฟมืออาชีพได้ทดสอบฝีมือและความแม่นยำของวงสวิงได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันก็ยังคงเป็นสนามที่เหมาะสำหรับนักกอล์ฟทุกระดับฝีมือ ภายใต้บรรยากาศธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่

เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 06.00-20.00 น.

 

6. นิกันติ กอล์ฟ คลับ (Nikanti Golf Club)

เปลี่ยนโลเคชันมายังอีกฟากฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ อย่างนครปฐม กับสนามกอล์ฟที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยคุณพีระพล นามตรา แห่ง GolfEast ที่ผสานความงามของธรรมชาติเข้ากับสนามกอล์ฟได้อย่างลงตัว พร้อมความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วย 6 รูปแบบเลย์เอาต์ ซึ่งแต่ละรูปแบบประกอบด้วยหลุมพาร์ 3 จำนวน 2 หลุม, หลุมพาร์ 4 จำนวน 2 หลุม และหลุมพาร์ 5 จำนวน 2 หลุม การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความสะดวกในการเล่นสำหรับนักกอล์ฟ

เปิดให้บริการ : ทุกวัน เวลา 06.00-20.00 น.

 
เลือกสนามกอล์ฟในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ ให้เหมาะกับสไตล์การเล่น
เลือกสนามกอล์ฟในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ ให้เหมาะกับสไตล์การเล่น
 

รู้จักพื้นฐานการเลือกสนามตีกอล์ฟแบบไหนดีให้เหมาะสม ?

การเลือกสนามกอล์ฟที่ใช่ ไม่เพียงเน้นเรื่องของความสวยงามหรือชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่น ไลฟ์สไตล์ และความคุ้มค่าในแต่ละรอบด้วย มาดูกันว่าควรพิจารณาปัจจัยใดบ้างก่อนตัดสินใจออกรอบ

 

1. มาตรฐานสนามกอล์ฟ

ก่อนออกรอบ ควรรู้ว่าขนาดสนามส่งผลต่อประสบการณ์การเล่นอย่างไร โดยทั้งสนาม 9, 18 หรือ 27 หลุม รวมถึงสนามฝึกซ้อม ล้วนเหมาะกับวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน ดังนี้

  • สนามกอล์ฟมาตรฐาน 27 หลุม แบ่งออกเป็น 3 คอร์ส คอร์สละ 9 หลุม สามารถเลือกจับคู่เล่นแบบใดก็ได้ ทำให้การเล่นมีความยืดหยุ่นและหลากหลาย เหมาะกับผู้เล่นระดับแอดวานซ์ หรือกลุ่มนักกอล์ฟที่ต้องการออกรอบหลายรอบแบบไม่ซ้ำเส้นทาง
  • สนามกอล์ฟมาตรฐาน 18 หลุม เป็นสนามกอล์ฟแบบสากลที่ใช้ในการแข่งขันทั่วไปและเหมาะกับผู้เล่นทุกระดับ ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ โดยเน้นการวางเลย์เอาต์อย่างสมดุล มีทั้งพาร์ 3, 4 และ 5 สลับกันไป ช่วยฝึกวางแผนกลยุทธ์ได้เป็นอย่างดี
  • สนามกอล์ฟมาตรฐาน 9 หลุม เหมาะกับผู้ที่มีเวลาจำกัด หรือมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้กอล์ฟ โดยสามารถฝึกซ้อมและเล่นได้แบบสบาย ๆ
  • สนามสำหรับมือใหม่หัดเล่น (Driving Range) มักจะเป็นสนามพาร์ 3 หรือสนามไดร์ฟกอล์ฟที่เน้นให้ฝึกวงสวิง การตีลูก หรือชิปพัตต์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการสร้างความมั่นใจก่อนลงสนามจริง
 

2. ทำเลที่ตั้ง

โลเคชันของสนามส่งผลต่อทั้งความสะดวกและอารมณ์การเล่น ยิ่งเดินทางง่าย ยิ่งออกรอบบ่อย ไม่ว่าจะเป็นสนามในเมือง หรือสนามธรรมชาติในพื้นที่ปริมณฑล ก็มีเสน่ห์ต่างกัน โดยสนามกอล์ฟที่อยู่ในบริเวณรอบกรุงเทพฯ หรือใกล้ทางด่วน จะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางได้มาก

 

3. สิ่งอำนวยความสะดวก

สนามกอล์ฟยุคใหม่ไม่ได้มีแค่แฟร์เวย์ แต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การพักผ่อนอย่างสมบูรณ์แบบ เช่น

 
  • คลับเฮาส์ หรูหราพร้อมห้องล็อกเกอร์ส่วนตัว
  • ร้านอาหารและคาเฟ่ ที่มีทั้งอาหารไทยและนานาชาติ
  • ห้องประชุม หรือเลานจ์ สำหรับนักธุรกิจที่ต้องการพูดคุยระหว่างพักรอบ
  • บริการโปรช็อป จำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟระดับมืออาชีพ
 

4. ค่ากรีนฟี

เรื่องของราคาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ค่ากรีนฟีควรเหมาะสมกับคุณภาพสนามและบริการที่ได้รับ และจะดียิ่งขึ้นหากมีโปรโมชันหรือส่วนลดเสริมเข้ามาช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย

 

5. สิทธิพิเศษจากบัตรเครดิต

อย่ามองข้ามสิทธิประโยชน์จากบัตรเครดิต โดยเฉพาะบัตรระดับพรีเมียมที่ให้มากกว่าส่วนลด เพราะบางบัตรยังรวมถึงส่วนลดค่ากรีนฟี บริการจองสนามฟรี แคดดี้ บริการรถกอล์ฟ หรือผู้ช่วยส่วนตัวอีกด้วย

หากต้องการออกรอบอย่างคุ้มค่า ขอแนะนำการใช้จ่ายกับบัตรเครดิต กรุงศรี เพื่อรับสิทธิพิเศษและประสบการณ์การเล่นกอล์ฟที่เหนือระดับกับ บัตรเครดิต กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง (Krungsri Private Banking) ที่มอบอภินันทนาการค่ากรีนฟี สำหรับสนามกอล์ฟที่ร่วมรายการ พร้อมบริการผู้ช่วยส่วนตัว แนะนำและจองสนามกอล์ฟชั้นนำทั่วโลก โดยสามารถอัปเดตและติดตามดีลบัตรเครดิตได้ทางเว็บไซต์ เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกความคุ้มค่าที่ยกระดับทุกไลฟ์สไตล์ให้เหนือไปอีกขั้น



*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

 

ข้อมูลอ้างอิง: