การใช้จ่ายแบบไร้เงินสดได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งทำให้บัตรเครดิตกับบัตรเดบิตกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของออนไลน์ การรูดจ่ายสินค้าที่หน้าร้าน หรือใช้จับจ่ายระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศ ถึงแม้ว่าบัตรทั้งสองประเภทจะช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการใช้จ่ายเช่นเดียวกัน แต่ก็มีความโดดเด่นบางประการที่แตกต่างกันออกไป การทำความเข้าใจจะช่วยให้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
หลายคนอาจสับสนว่าบัตรเดบิตกับบัตรเครดิตต่างกันอย่างไร ? เพราะดูภายนอกแล้ว บัตรทั้งสองประเภทมีลักษณะคล้ายกัน แต่ที่จริงแล้วมีความแตกต่างที่สำคัญ ซึ่งส่งผลต่อการใช้งานและประโยชน์ที่จะได้รับ โดยเราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับบัตรแต่ละประเภทกัน
บัตรเครดิต เป็นบัตรที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินออกให้แก่ผู้ถือบัตร เพื่อใช้จ่ายแทนเงินสด โดยสามารถใช้เงินล่วงหน้าภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ และต้องชำระคืนตามรอบบิลที่กำหนด เช่น ทุกวันที่ 10 หรือ 15 ของเดือน หากชำระไม่เต็มจำนวนและล่าช้า จะมีดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารกำหนด ซึ่งมักจะสูงถึง 16% ต่อปี
คุณสมบัติหลักของบัตรเครดิต
บัตรเครดิตเหมาะกับกลุ่มคนหลากหลาย ได้แก่
บัตรเดบิต เป็นบัตรชำระเงินที่เชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตรโดยตรง เมื่อใช้บัตรเดบิตในการซื้อสินค้า หรือชำระค่าบริการ ระบบจะหักเงินจากบัญชีทันทีตามจำนวนที่ใช้จ่าย โดยไม่สามารถใช้เกินจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีได้
คุณสมบัติหลักของบัตรเดบิต
บัตรเดบิตเหมาะกับบุคคลหลายกลุ่ม ได้แก่
การเลือกใช้บัตรเครดิตกับบัตรเดบิตให้เหมาะสม และรู้จักวิธีใช้อย่างฉลาดจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากบัตรแต่ละประเภท โดยสามารถแบ่งออกได้เป็นดังนี้
สิ่งสำคัญประการแรกคือ ควรเลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เช่น หากเดินทางบ่อย ให้เลือกบัตรที่มีสิทธิประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว หากช้อปออนไลน์เป็นประจำ ควรเลือกบัตรที่ให้เงินคืนสูงสำหรับการใช้จ่ายออนไลน์
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ใช้บัตรได้อย่างคุ้มค่า คือ วางแผนการใช้จ่ายให้ตรงกับช่วงที่มีโปรโมชันพิเศษ เช่น ส่วนลด เงินคืน หรือคะแนนสะสมเพิ่ม เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด
หากต้องการหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยที่สูงถึง 16% ต่อปี ควรชำระยอดเต็มจำนวนทุกเดือนและตรงเวลา การชำระขั้นต่ำเพียง 5-10% ของยอดใช้จ่าย จะทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยในส่วนที่เหลือ กลายเป็นหนี้สะสมที่พอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ ได้
การใช้จ่ายเกินวงเงินจะทำให้คุณถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเกิน และอาจส่งผลเสียต่อประวัติเครดิตของคุณได้
การใช้บัตรเดบิตซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้สามารถติดตามค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น เพราะจะปรากฏในรายการเดินบัญชี ทำให้บริหารการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ที่มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยในการซื้อของออนไลน์ บัตรเดบิตเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะจำกัดความเสียหายเฉพาะเงินในบัญชีเท่านั้น
หลายธนาคารอนุญาตให้ผู้ถือบัตรสามารถกำหนดวงเงินสูงสุดต่อวัน สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตได้ด้วยตนเอง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยและควบคุมการใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น
สุดท้ายที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด คือ ควรแยกบัญชีสำหรับใช้จ่ายประจำวันกับบัญชีเงินออม โดยเชื่อมบัตรเดบิตกับบัญชีที่มีเงินเฉพาะสำหรับใช้จ่ายเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากบัตรสูญหายหรือถูกโจรกรรมข้อมูล รวมถึงป้องกันการเผลอใช้จ่ายเกินความจำเป็นอีกด้วย
จากข้อมูลเหล่านี้น่าจะช่วยให้เข้าใจแล้วว่าบัตรเครดิตกับบัตรเดบิตมีข้อดีที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ให้เหมาะสมจะช่วยบริหารเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรับประโยชน์จากบัตรได้คุ้มค่ามากที่สุด สำหรับคนที่กำลังมองหาบัตรเครดิตมาไว้ใช้งาน สามารถเลือกสมัครบัตรเครดิตออนไลน์ โดยทำบัตรเครดิตที่ใช่กับธนาคารกรุงศรีได้เลย
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี
ข้อมูลอ้างอิง