ถึงต้นปีเมื่อไร หลายคนคงนึกถึง “หน้าที่” สำคัญที่เลี่ยงไม่ได้เลยนั่นคือ “การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” ซึ่งสำหรับใครที่เพิ่งเริ่มทำงานหรือไม่เคยยื่นภาษีมาก่อน คำถามยอดฮิตที่ได้ยินบ่อยที่สุดก็คงหนีไม่พ้น “เงินเดือนเท่านี้ต้องยื่นภาษีไหม?” บทความนี้จะพาคุณไปไขทุกข้อข้องใจว่ารายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี เอกสารที่ต้องเตรียม วิธีคำนวณภาษีเบื้องต้น ไปจนถึงกลยุทธ์ลดหย่อนภาษีอย่างชาญฉลาดเพื่อให้คุณยื่นภาษีได้อย่างมั่นใจ
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่ม First Jobber หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นมีรายได้ก็คือการคิดว่า "ถ้ายังไม่ถึงขั้นต้องเสียภาษี ก็ไม่จำเป็นต้องยื่นภาษี" ทั้งที่ในความเป็นจริง “การยื่นภาษี” (Tax Filing) กับ “การเสียภาษี” (Tax Payment) คือคนละเรื่องกัน ดังนั้น ก่อนจะไปตอบคำถามว่า “รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี” ก็ต้องเริ่มจากการอธิบายก่อนว่า “รายได้เท่าไหร่ต้องยื่นภาษี”
การยื่นภาษี หมายถึงการแจ้งรายได้ทั้งหมดที่คุณได้รับในรอบปีภาษีนั้นต่อกรมสรรพากร ผ่านแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90 หรือ 91) โดยจะต้องยื่นทุกปี หากคุณมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แม้สุดท้ายจะคำนวณออกมาแล้ว “ไม่ต้องเสียภาษี” ก็ตาม ในทางกลับกัน การเสียภาษี จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณมี “เงินได้สุทธิ” (หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่าง ๆ) เกิน 150,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นเพดานแรกที่เริ่มมีการจัดเก็บภาษีในอัตรา 5% ตามระบบภาษีก้าวหน้า
ตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ที่มี รายได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ จะต้องยื่นภาษี ไม่ว่าจะต้องเสียภาษีจริงหรือไม่ โดยแบ่งตามลักษณะของรายได้และสถานภาพสมรสดังนี้
บุคคลโสด
บุคคลที่สมรสแล้ว
สรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ คือ
รายได้เท่าไหร่ต้องยื่นภาษี ? คำตอบคือหากคุณมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 10,000 บาท (กรณีโสด) หรือ 18,333 บาท (กรณีสมรส) คุณมี “หน้าที่” ต้องยื่นภาษี แม้ว่าผลการคำนวณจะพบว่า “ไม่ต้องเสียภาษี” ก็ตาม
หลังจากที่คุณตรวจสอบแล้วว่าตนเองมี “หน้าที่ต้องยื่นภาษี” หรือไม่ ขั้นตอนถัดไปคือต้องรู้ว่ารายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี แล้วของเราต้องเริ่มเสียหรือยัง ? โดยคำตอบของคำถามนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า เงินได้สุทธิ
เงินได้สุทธิ = รายได้ทั้งปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
โดยทั่วไป คนที่มีรายได้มากกว่า 319,000 บาทต่อปี (หรือเฉลี่ยเดือนละ 26,583 บาท) จะเริ่ม “มีโอกาสเสียภาษี” เพราะเมื่อหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนพื้นฐานแล้ว มักจะเหลือเงินได้สุทธิมากกว่า 150,000 บาท ซึ่งเป็นฐานภาษีขั้นต่ำที่เริ่มจัดเก็บ
สมมติว่าคุณมีรายได้จากเงินเดือนรวมทั้งปี = 319,000 บาท
เงินได้สุทธิ = 319,000 - 100,000 - 60,000 - 9,000 = 150,000 บาท
ในกรณีนี้คุณจะยัง “ไม่ต้องเสียภาษี” เพราะเงินได้สุทธิยังอยู่ในช่วงยกเว้น แต่หากรายได้รวมทั้งปีมากกว่านี้ เช่น 350,000 หรือ 400,000 บาท หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้วอาจเกิน 150,000 บาท ซึ่งจะทำให้ต้องเริ่มเสียภาษี
ประเทศไทยใช้ระบบ “ภาษีก้าวหน้า” หมายความว่า รายได้แต่ละช่วงจะถูกคิดภาษีตามอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยแบ่งออกเป็นขั้นบันได ดังนี้
เงินได้สุทธิ (บาทต่อปี) | อัตราภาษี (%) |
0 – 150,000 | ยกเว้น |
150,001 - 300,000 | 5% |
300,001 - 500,000 | 10% |
500,001 - 750,000 | 15% |
750,001 - 1,000,000 | 20% |
1,000,001 - 2,000,000 | 25% |
2,000,001 - 5,000,000 | 30% |
5,000,001 ขึ้นไป | 35% |
การยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91 ต้องใช้เอกสารสำคัญเหล่านี้
ปัจจุบันการยื่นภาษีสามารถทำได้ง่ายและสะดวกผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร หรือที่รู้จักกันในชื่อ e-Filing โดยคุณสามารถเข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ efiling.rd.go.th ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีขั้นตอนดังนี้
แน่นอนว่า มี หากลืมยื่นภาษีหรือยื่นล่าช้าจะมีโทษปรับตั้งแต่ 2,000 - 200,000 บาท รวมถึงโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี ในกรณีเจตนาเลี่ยงภาษี ทั้งยังต้องเสียเบี้ยปรับ 2 เท่าของภาษีที่ค้าง และเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน
การมีความรู้ว่ารายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี และรายได้เท่าไหร่ต้องยื่นภาษี รวมถึงเข้าใจแนวทางการวางแผนภาษีที่ดี ไม่เพียงช่วยลดภาระภาษี แต่ยังสามารถเพิ่มความคุ้มค่าให้แก่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเลือกชำระเบี้ยประกันของเอไอเอผ่านบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม ที่ให้คุณทั้งสิทธิ์ ลดหย่อนภาษี และ รับเครดิตเงินคืน ในเวลาเดียวกัน
ช่วยให้คุณบริหารค่าใช้จ่ายได้ยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมวางแผนลดหย่อนภาษีได้อย่างเต็มสิทธิ สมัครบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม ได้แล้ววันนี้ เพื่อใช้ทุกค่าใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งด้านการเงินและภาษี
ข้อมูลอ้างอิง