พูดคุยกับเราได้ที่

0 2646 3555

ไขข้อสงสัยเรื่อง “รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี” อย่างครบถ้วน

ไขข้อสงสัยเรื่อง “รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี” อย่างครบถ้วน
 
   


ถึงต้นปีเมื่อไร หลายคนคงนึกถึง “หน้าที่” สำคัญที่เลี่ยงไม่ได้เลยนั่นคือ “การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” ซึ่งสำหรับใครที่เพิ่งเริ่มทำงานหรือไม่เคยยื่นภาษีมาก่อน คำถามยอดฮิตที่ได้ยินบ่อยที่สุดก็คงหนีไม่พ้น “เงินเดือนเท่านี้ต้องยื่นภาษีไหม?” บทความนี้จะพาคุณไปไขทุกข้อข้องใจว่ารายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี เอกสารที่ต้องเตรียม วิธีคำนวณภาษีเบื้องต้น ไปจนถึงกลยุทธ์ลดหย่อนภาษีอย่างชาญฉลาดเพื่อให้คุณยื่นภาษีได้อย่างมั่นใจ

 

ทำความเข้าใจ “การยื่นภาษี” และ “การเสียภาษี”

หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่ม First Jobber หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นมีรายได้ก็คือการคิดว่า "ถ้ายังไม่ถึงขั้นต้องเสียภาษี ก็ไม่จำเป็นต้องยื่นภาษี" ทั้งที่ในความเป็นจริง “การยื่นภาษี” (Tax Filing) กับ “การเสียภาษี” (Tax Payment) คือคนละเรื่องกัน ดังนั้น ก่อนจะไปตอบคำถามว่า “รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี” ก็ต้องเริ่มจากการอธิบายก่อนว่า “รายได้เท่าไหร่ต้องยื่นภาษี”

การยื่นภาษี หมายถึงการแจ้งรายได้ทั้งหมดที่คุณได้รับในรอบปีภาษีนั้นต่อกรมสรรพากร ผ่านแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90 หรือ 91) โดยจะต้องยื่นทุกปี หากคุณมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แม้สุดท้ายจะคำนวณออกมาแล้ว “ไม่ต้องเสียภาษี” ก็ตาม ในทางกลับกัน การเสียภาษี จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณมี “เงินได้สุทธิ” (หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่าง ๆ) เกิน 150,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นเพดานแรกที่เริ่มมีการจัดเก็บภาษีในอัตรา 5% ตามระบบภาษีก้าวหน้า

 

แล้วใครบ้างที่ “ต้องยื่นภาษี” ?

ตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ที่มี รายได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ จะต้องยื่นภาษี ไม่ว่าจะต้องเสียภาษีจริงหรือไม่ โดยแบ่งตามลักษณะของรายได้และสถานภาพสมรสดังนี้

บุคคลโสด

  • กรณีมีรายได้จากเงินเดือน (ภ.ง.ด. 91)
    ต้องยื่นภาษี หากมีรายได้ ตั้งแต่ 10,000 บาทต่อเดือน หรือ 120,000 บาทต่อปี
  • กรณีมีรายได้อื่นที่ไม่ใช่เงินเดือน (ภ.ง.ด. 90) เช่น ค่าจ้างอิสระ รายได้จากธุรกิจ ดอกเบี้ย ค่าเช่า ฯลฯ
    ต้องยื่นภาษี หากมีรายได้ ตั้งแต่ 5,000 บาทต่อเดือน หรือ 60,000 บาทต่อปี
 

บุคคลที่สมรสแล้ว

  • กรณีมีรายได้จากเงินเดือน (ภ.ง.ด. 91)
    ต้องยื่นภาษี หากมีรายได้ ตั้งแต่ 18,333 บาทต่อเดือน หรือ 220,000 บาทต่อปี
  • กรณีมีรายได้อื่นที่ไม่ใช่เงินเดือน (ภ.ง.ด. 90)
    ต้องยื่นภาษี หากมีรายได้ ตั้งแต่ 10,000 บาทต่อเดือน หรือ 120,000 บาทต่อปี
 

สรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ คือ
รายได้เท่าไหร่ต้องยื่นภาษี ? คำตอบคือหากคุณมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 10,000 บาท (กรณีโสด) หรือ 18,333 บาท (กรณีสมรส) คุณมี “หน้าที่” ต้องยื่นภาษี แม้ว่าผลการคำนวณจะพบว่า “ไม่ต้องเสียภาษี” ก็ตาม
 

 
คนกำลังคำนวณว่ารายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี
คนกำลังคำนวณว่ารายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี
 


ต้องเริ่มเสียภาษีเมื่อมีรายได้เท่าไร ? พร้อมอัตราภาษีที่ควรรู้

หลังจากที่คุณตรวจสอบแล้วว่าตนเองมี “หน้าที่ต้องยื่นภาษี” หรือไม่ ขั้นตอนถัดไปคือต้องรู้ว่ารายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี แล้วของเราต้องเริ่มเสียหรือยัง ? โดยคำตอบของคำถามนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า เงินได้สุทธิ

เงินได้สุทธิ = รายได้ทั้งปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
โดยทั่วไป คนที่มีรายได้มากกว่า 319,000 บาทต่อปี (หรือเฉลี่ยเดือนละ 26,583 บาท) จะเริ่ม “มีโอกาสเสียภาษี” เพราะเมื่อหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนพื้นฐานแล้ว มักจะเหลือเงินได้สุทธิมากกว่า 150,000 บาท ซึ่งเป็นฐานภาษีขั้นต่ำที่เริ่มจัดเก็บ

 

ตัวอย่างการคำนวณง่าย ๆ

สมมติว่าคุณมีรายได้จากเงินเดือนรวมทั้งปี = 319,000 บาท

  • หักค่าใช้จ่ายตามกฎหมาย (ประเภท 40(1)) = 100,000 บาท
  • หักค่าลดหย่อนส่วนตัว = 60,000 บาท
  • หักเงินสมทบประกันสังคม = 9,000 บาท

เงินได้สุทธิ = 319,000 - 100,000 - 60,000 - 9,000 = 150,000 บาท
ในกรณีนี้คุณจะยัง “ไม่ต้องเสียภาษี” เพราะเงินได้สุทธิยังอยู่ในช่วงยกเว้น แต่หากรายได้รวมทั้งปีมากกว่านี้ เช่น 350,000 หรือ 400,000 บาท หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้วอาจเกิน 150,000 บาท ซึ่งจะทำให้ต้องเริ่มเสียภาษี

 

อัตราภาษีแบบก้าวหน้า (Progressive Tax Rate)

ประเทศไทยใช้ระบบ “ภาษีก้าวหน้า” หมายความว่า รายได้แต่ละช่วงจะถูกคิดภาษีตามอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยแบ่งออกเป็นขั้นบันได ดังนี้

 
เงินได้สุทธิ (บาทต่อปี) อัตราภาษี (%)
0 – 150,000 ยกเว้น
150,001 - 300,000 5%
300,001 - 500,000 10%
500,001 - 750,000 15%
750,001 - 1,000,000 20%
1,000,001 - 2,000,000 25%
2,000,001 - 5,000,000 30%
5,000,001 ขึ้นไป 35%
 

เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นภาษี

การยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91 ต้องใช้เอกสารสำคัญเหล่านี้

  • ใบ 50 ทวิ จากนายจ้างหรือแหล่งรายได้
  • เอกสารลดหย่อนภาษี เช่น
    • ใบรับรองการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ
    • หนังสือรับรองการลงทุนใน SSF, RMF, Thai ESG
    • หนังสือรับรองเงินบริจาค
    • เอกสารค่าเลี้ยงดูบุตร พ่อแม่ หรือผู้พิการ
    • ใบเสร็จ e-Tax หรือ e-Receipt จากโครงการ Easy E-Receipt
 
คู่รักกำลังช่วยกันคำนวณว่ารายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี
คู่รักกำลังช่วยกันคำนวณว่ารายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี


ยื่นภาษียังไงให้ไม่พลาด

ปัจจุบันการยื่นภาษีสามารถทำได้ง่ายและสะดวกผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร หรือที่รู้จักกันในชื่อ e-Filing โดยคุณสามารถเข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ efiling.rd.go.th ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนการยื่นภาษีออนไลน์

  1. เข้าสู่เว็บไซต์กรมสรรพากร
    ไปที่ https://efiling.rd.go.th แล้วคลิกที่เมนู “ยื่นแบบออนไลน์”
  2. เข้าสู่ระบบ e-Filing
    หากยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน ต้องสมัครผู้ใช้งานใหม่ก่อนใช้งาน หากลงทะเบียนไว้แล้วให้ล็อกอินด้วยรหัสผ่านที่ตั้งไว้
  3. เลือกแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 หรือ ภ.ง.ด. 91
    เลือกให้ตรงกับลักษณะรายได้ของคุณ เช่น ภ.ง.ด. 91 สำหรับพนักงานที่มีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว ส่วน ภ.ง.ด. 90 สำหรับผู้ที่มีรายได้หลายประเภท เช่น ฟรีแลนซ์ ค่าจ้าง ดอกเบี้ย เงินปันผล ฯลฯ
  4. กรอกข้อมูลส่วนตัว
    ตรวจสอบชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ที่อยู่ และสถานภาพสมรสให้ถูกต้อง
  5. กรอกข้อมูลรายได้
    นำข้อมูลจากใบ 50 ทวิ หรือแหล่งรายได้ต่าง ๆ มากรอกให้ครบถ้วน
  6. กรอกค่าลดหย่อน
    ใส่ข้อมูลลดหย่อนทั้งหมดที่คุณมี เช่น ประกันชีวิต RMF, SSF, ค่าเลี้ยงดูบุตร พ่อแม่ และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ
  7. ยืนยันการยื่นแบบ
    เมื่อทุกอย่างถูกต้องแล้ว ให้กด “ยืนยัน” เพื่อส่งแบบภาษี ระบบจะแจ้งผลการยื่น พร้อมใบเสร็จหรือหลักฐานการยื่นให้คุณเก็บไว้
 

ยื่นภาษีช้ามีโทษไหม ?

แน่นอนว่า มี หากลืมยื่นภาษีหรือยื่นล่าช้าจะมีโทษปรับตั้งแต่ 2,000 - 200,000 บาท รวมถึงโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี ในกรณีเจตนาเลี่ยงภาษี ทั้งยังต้องเสียเบี้ยปรับ 2 เท่าของภาษีที่ค้าง และเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน

 

สมัครบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม วางแผนภาษีอย่างคุ้มค่า พร้อมรับเครดิตเงินคืน

การมีความรู้ว่ารายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี และรายได้เท่าไหร่ต้องยื่นภาษี รวมถึงเข้าใจแนวทางการวางแผนภาษีที่ดี ไม่เพียงช่วยลดภาระภาษี แต่ยังสามารถเพิ่มความคุ้มค่าให้แก่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเลือกชำระเบี้ยประกันของเอไอเอผ่านบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม ที่ให้คุณทั้งสิทธิ์ ลดหย่อนภาษี และ รับเครดิตเงินคืน ในเวลาเดียวกัน

  • รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 2,000 บาท* (0.5%) สำหรับเบี้ยประกัน AIA ปีแรกและเบี้ยต่ออายุ วันนี้ถึง 31 ธ.ค. 68
  • รับเครดิตเงินคืนเพิ่มพิเศษ รวมสูงสุด 12,000 บาท* เมื่อชำระเบี้ยตามเงื่อนไขที่กำหนด วันนี้ถึง 30 มิ.ย. 68
  • ผ่อนเบี้ยประกันภัย AIA ปีแรกได้ 0%* นานสูงสุด 6 เดือน วันนี้ถึง 30 มิ.ย. 68

ช่วยให้คุณบริหารค่าใช้จ่ายได้ยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมวางแผนลดหย่อนภาษีได้อย่างเต็มสิทธิ สมัครบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม ได้แล้ววันนี้ เพื่อใช้ทุกค่าใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งด้านการเงินและภาษี



*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

 

ข้อมูลอ้างอิง

  • ความรู้เรื่องภาษีที่บุคคลธรรมดาควรทราบ. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 จาก
    https://www.rd.go.th/62337.html


บัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม