การวางแผนเดินทางต่างประเทศ นอกจากจะต้องมีการจัดกระเป๋าให้พร้อมแล้ว ผู้เดินทางยังควรให้ความสำคัญกับ “ข้อกำหนดความปลอดภัยของสายการบิน” โดยเฉพาะสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินหรือโหลดลงใต้ท้องเครื่องได้ เพื่อประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นและปลอดภัย จึงขอแนะนำ 10 ประเภทสิ่งของที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินที่ท่านควรทราบก่อนออกเดินทาง
ทำไมถึงควรรู้เกี่ยวกับ “ของที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน” ?
การจำกัดสิ่งของห้ามขึ้นเครื่องบิน มีจุดประสงค์หลักเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและลูกเรือ เพราะการบินเป็นกิจกรรมที่ต้องการมาตรฐานความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากเมื่ออยู่กลางอากาศจะไม่สามารถรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้เท่ากับอยู่บนพื้นดิน ดังนั้น การควบคุมสิ่งของที่ผู้โดยสารสามารถพกติดตัวขึ้นเครื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้นำวัตถุที่อาจเป็นอันตราย เช่น วัตถุไวไฟ ของเหลวที่อาจใช้ประกอบเป็นอาวุธ หรืออุปกรณ์ที่สามารถทำร้ายผู้อื่นได้ ขึ้นไปบนเครื่องบิน
อีกทั้งสนามบินและสายการบินทั่วโลกต่างมีกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งส่วนใหญ่ยึดตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล เช่น จากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) หรือสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ทำให้แต่ละสนามบินมีขั้นตอนในการตรวจสอบสิ่งของอย่างเข้มงวด และมีรายการของต้องห้ามขึ้นเครื่องที่คล้ายคลึงกันทั่วโลก
ของที่สามารถโหลดใต้เครื่องได้เท่านั้น (แต่ห้ามพกติดตัวขึ้นเครื่อง)
แม้ว่าสิ่งของบางประเภทจะสามารถนำไปกับเครื่องบินได้ แต่ต้องโหลดไว้ในกระเป๋าสัมภาระใต้ท้องเครื่องเท่านั้น ไม่สามารถพกติดตัวขึ้นห้องโดยสารได้ เช่น
- ของเหลวเกิน 100 มล. เช่น แชมพู โลชั่น น้ำหอม หรือเครื่องดื่ม หากบรรจุภัณฑ์เกิน 100 มล. แม้จะเหลือน้อยกว่าก็ตาม จะไม่สามารถนำผ่านจุดตรวจความปลอดภัยขึ้นเครื่องได้ แต่สามารถโหลดใต้เครื่องได้ตามปกติ
- อุปกรณ์กีฬา เช่น ไม้เบสบอล ไม้กอล์ฟ สิ่งของลักษณะนี้จัดอยู่ในกลุ่มที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ จึงนับว่าเป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินอย่างเด็ดขาด แต่สามารถโหลดใต้เครื่องได้ โดยต้องจัดเก็บอย่างเหมาะสมตามข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีดีกรีสูงเกิน 70%โดยปริมาตร ถือว่าเป็นวัตถุไวไฟ ห้ามพกขึ้นเครื่องเด็ดขาด และบางกรณีอาจห้ามโหลดใต้เครื่องด้วย ควรตรวจสอบกับสายการบินก่อนนำไป
10 ของที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน รู้ไว้ทริปไม่มีสะดุด
เพราะไม่ใช่ทุกสิ่งที่คุณพกติดตัวได้จะสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ เนื่องจากมีของบางอย่างที่ถือว่าอันตรายหรือขัดต่อกฎความปลอดภัยของสายการบินอย่างชัดเจน มาดูกันว่า 10 สิ่งต้องห้ามที่ไม่ควรใส่ไว้ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง จะมีอะไรกันบ้าง
1. เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ของเหลว เจล สเปรย์
แค่ของเหลวทำไมถึงเป็นของห้ามขึ้นเครื่องที่น่ากลัวขนาดนั้น ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าของเหลวหรือเรียกอีกอย่างนึงว่า LAGs ย่อมาจาก Liquids, Aerosols and Gels หรือ ของเหลว เจล สเปรย์ เป็นการกำหนดโดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ให้เป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน เนื่องจากของเหลวปริมาณ 100 มิลลิลิตรขึ้นไป สามารถนำไปใช้เพื่อเป็นสารตั้งต้นของการทำระเบิดได้
แน่นอนว่าทางสายการบินไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น จึงทำให้มีข้อกำหนดสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินว่า ห้ามนำเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ของเหลว เจล สเปรย์ ขึ้นเครื่องบินตามข้อกำหนดดังนี้
- ต้องมีความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตรต่อ 1 ชิ้น
- เมื่อของเหลวมารวมกันต้องไม่เกิน 1,000 มิลลิลิตร
- ต้องแบ่งของเหลวทุกอย่างไว้ในขวดขนาดเล็กหรือใส่ถุงซิปล็อกหรือถุงใสเอาไว้
- การบรรจุของเหลวต้องไม่มีรอยเปิด แกะ หรือฉีกขาด
2. แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank)
อีกหนึ่งของที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน เพราะมีความอันตรายซ่อนอยู่ เนื่องจากแบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) หากเก็บในห้องสัมภาระที่มีความร้อนสะสม อาจทำให้เกิดการระเบิดได้ ด้วยเหตุนี้
จึงทำให้มีข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการนำแบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ขึ้นเครื่องบินแบบพกติดตัว ภายใต้ความจุที่สายการบินนั้นกำหนดไว้เพื่อความปลอดภัย ดังนี้
- แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ต้องมีความจุไม่เกิน 20,000 มิลลิแอมป์
- แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ความจุตั้งแต่ 20,000- 32,000 มิลลิแอมป์ นำขึ้นเครื่องบินได้ไม่เกิน 2 ก้อน
- แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ความจุมากกว่า 32,000 มิลลิแอมป์ ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้
3. อาวุธ ของมีคม
อาวุธ ของมีคม ถือว่าเป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินระดับต้น ๆ เนื่องจากอาวุธ ของมีคมอาจเป็นสิ่งที่สามารถทำร้ายร่างกายหรือก่อการร้ายในการเดินทางได้ ดังนั้น จึงมีข้อกำหนดเกี่ยวกับสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินไว้ว่าห้ามนำอาวุธ ของมีคม หรือสิ่งเทียมอาวุธเข้าสนามบินหรือขึ้นเครื่องบินเด็ดขาด โดยอาวุธ ของมีคม ที่ห้ามจะมีด้วยกัน ดังนี้
- ปืน
- สนับมือ
- คัตเตอร์
- ดาบ
- กระบอง
- ระเบิด
- ปืนเด็กเล่น
- มีดพก
- สนับมือ
4. สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์
มาทำความเข้าใจก่อนว่า แต่ละประเทศมักจะมีกฎหมายในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์กลายเป็นอีกหนึ่งของที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินที่ต้องศึกษาให้ดีก่อนเริ่มบิน
เนื่องจากสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ คือการนำผลงานของผู้อื่นมาใช้ เผยแพร่ ดัดแปลง ทำซ้ำ โดยผู้เป็นเจ้าของผลงานไม่อนุญาตหรือไม่ได้รับทราบ และเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายของแต่ละประเทศนั้น ๆ หากเจ้าหน้าที่ตรวจเจออาจโดนยึดหรือถึงขั้นถูกดำเนินคดีได้
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สายการบินมีข้อกำหนดเกี่ยวกับสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินไว้ว่า ห้ามนำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ขึ้นเครื่องบินโดยเด็ดขาด ซึ่งสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ยกตัวอย่าง เช่น
- สินค้าการแบรนด์ดัง
- สิ่งประดิษฐ์
- วรรณกรรม
- ศิลปกรรม
5. วัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด
วัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด คือของที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินโดยเด็ดขาด เนื่องจากวัตถุไวไฟ วัตถุระเบิดเป็นต้นตอของปัญหาที่อาจส่งผลต่อผู้โดยสารและความเสียหายบนเครื่องบินได้
กรณีร้ายแรงอาจส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ทำให้การเดินทางล่าช้า แย่ไปกว่านั้นอาจส่งผลทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต จึงทำให้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินไว้ว่า ห้ามนำวัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด ขึ้นเครื่องบิน เช่น ก๊าซ ดอกไม้ไฟ และระเบิด
อีกสิ่งต้องห้ามบนเครื่องบิน คือ การแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น การตะโกน พูดคุยกับเพื่อนร่วมทริปว่า “มีระเบิด, ในกระเป๋ามีระเบิด, ระวังเจอระเบิดบนเครื่องบินนะ, เดี๋ยวจะระเบิดสนามบินซะเลย เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงและมีโทษตามกฎหมาย
6. อาหารที่มีกลิ่นแรง
การเดินทางที่ดี คือการเดินทางที่ไม่รบกวนผู้อื่น ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง ซึ่งกลิ่นถือว่าเป็นสิ่งรบกวนอย่างหนึ่งในการนั่งเครื่องบิน ดังนั้นสำหรับของที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน อาหารที่มีกลิ่นแรงก็เป็นอีกหนึ่งข้อห้ามที่คุณควรให้ความสำคัญ
ทางสายการบินจึงมีข้อกำหนดสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินเกี่ยวกับอาหารการกิน คือ ไม่อนุญาตให้นำอาหารที่มีกลิ่นแรงขึ้นเครื่อง เพราะอาจส่งกลิ่นรบกวนต่อผู้โดยสารท่านอื่น ๆ เช่น ทุเรียน ปลาร้า น้ำพริก น้ำปลา และอาหารแห้งบางชนิด แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ ควรบรรจุอยู่ในภาชนะหีบห่ออย่างมิดชิด อย่าให้มีกลิ่นออกมาและไม่หกเลอะเทอะ
7. สัตว์มีพิษ
เนื่องจากสัตว์มีพิษ เป็นต้นตอของความวุ่นวายและเรื่องร้ายตามมา จึงทำให้สัตว์มีพิษเป็นอีกสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน เนื่องจากอาจทำให้ผู้โดยสารท่านอื่น ๆ ได้รับบาดเจ็บได้
จึงมีข้อกำหนดสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินว่า ห้ามนำสัตว์มีพิษหรือสัตว์ดุร้ายขึ้นมาในเครื่อง ยกเว้นสัตว์เลี้ยงเช่น หมา แมว กระต่าย ที่บางสายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้แต่ต้องมีอายุมากกว่า 2 เดือนขึ้นไป มีใบตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์ โดยต้องระบุรายละเอียดของสัตว์เลี้ยงชัดเจนและเป็นไปตามเงื่อนไขของสายการบินนั้น ๆ ซึ่งทางสายการบินจะนำสัตว์เลี้ยงของเราบรรทุกไว้ที่สัมภาระพิเศษใต้ท้องเครื่อง
8. สารอันตรายต่าง ๆ หรือสารเสพติด
เป็นสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินที่อาจส่งผลอันตรายต่อการเดินทางเลยก็ว่าได้ เนื่องจากสารอันตรายต่าง ๆ หรือสารเสพติด เป็นปัญหาที่อาจส่งผลต่อผู้โดยสารและความเสียหายบนเครื่องบินได้
กรณีร้ายแรงอาจส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ทำให้การเดินทางล่าช้า แย่ไปกว่านั้นอาจส่งผลทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตได้ จึงทำให้มีข้อกำหนดสิ่งที่ห้ามเอาขึ้นเครื่องบินว่าห้ามนำสารอันตรายต่าง ๆ หรือสารเสพติดขึ้นเครื่องบินโดยเด็ดขาด
เพราะอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งสารอันตรายต่าง ๆ หรือสารเสพติด อย่างเช่น สารเสพติด สารติดเชื้อ วัสดุกัมมันตรังสี น้ำกรด ปรอท ไนโตรเจนเหลว สารพิษ ยาฆ่าแมลง สารหนู หรือวัตถุที่ระบุไว้ในข้อบังคับสินค้าอันตราย
9. ของประดับมูลค่าแพง
อย่าให้การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ใจด้วยของประดับมูลค่าแพง เพราะถ้าหายหรือถูกขโมยขึ้นมา อาจส่งผลให้การเดินทางครั้งนี้มีแต่ความทุกข์ใจ จะดีกว่าไหมถ้าคุณเอาของประดับมูลค่าแพงเอาไว้ที่บ้าน เพื่อการเดินทางที่สะดวกและปลอดภัย
ทางสายการบินเห็นถึงความสำคัญในข้อนี้จึงมีข้อกำหนดถึงสิ่งของห้ามขึ้นเครื่องบินไว้ว่า ไม่อนุญาตให้โหลดของที่มีมูลค่ามากกว่า 2,500 ดอลลาร์ เช่น อัญมณี สร้อยเพชร เงินสด และทรัพย์สินอื่น ๆ ที่มูลค่าสูง
10. เนื้อสัตว์ของสดหรือแช่แข็ง
เนื้อสัตว์ของสดหรือแช่แข็ง ถือเป็นของต้องห้ามขึ้นเครื่องบินที่ไม่ควรมองข้าม เพราะว่าเป็นสิ่งที่มีโอกาสสูงที่จะเน่าเสียและส่งกลิ่นเน่าเหม็นตามมา ซึ่งอาจจะไปรบกวนผู้อื่นได้
ดังนั้น ทางสายการบินจึงมีข้อกำหนดห้ามเนื้อสัตว์ของสดหรือแช่แข็งขึ้นเครื่อง เพื่อความสงบสุขในการเดินทาง โดยเนื้อสัตว์ของสดหรือแช่แข็ง เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลาแช่แข็ง เป็นต้น
สำหรับใครที่กำลังมีแผนจะเดินทางไปต่างประเทศ จะดีกว่าไหมถ้าทริปการท่องเที่ยวของคุณจะสะดวกสบายและประหยัดมากขึ้น ด้วยการสมัครบัตรเครดิต กรุงศรี แพลทินัม พร้อมให้คุณรับดีลบัตรเครดิตสุดเอกซ์คลูซิฟ เช่น บริการ Airport Lounge ทุกสนามบินในประเทศญี่ปุ่น และเครดิตเงินคืน เมื่อใช้จ่ายที่ร้านอาหารทั่วโลก และเพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลดี ๆ สามารถติดตามส่วนลดสุดคุ้มได้ที่ โปรโมชัน
ดีลส่วนลดบัตรเครดิตได้เลย
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด
*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี