พูดคุยกับเราได้ที่

0 2646 3555

ไปญี่ปุ่นต้องขอวีซ่าไหม ต้องเตรียมอะไรบ้าง 2024

ไปญี่ปุ่นต้องขอวีซ่าไหม ต้องเตรียมอะไร 2024
 
ไปญี่ปุ่นต้องขอวีซ่าไหม ต้องเตรียมอะไรบ้าง 2024
 
 

ไม่ว่าใครก็ต่างหลงรัก ”ญี่ปุ่น” แดนอาทิตย์อุทัย แหล่งอาหารอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวสุดคูลตอบโจทย์การเดินทางทุกฤดู แถมวัฒนธรรมก็เป็นที่แพร่หลายจึงไม่แปลกใจนักว่าทำไมเพื่อน ๆ จำนวนมากถึงนิยมเดินทางไปเที่ยวมากที่สุด แต่มาตรการเดินทางเข้าญี่ปุ่นอัปเดตเป็นประจำทุกปี ดังนั้นเราจึงนำข้อมูลน่าสนใจมาฝากว่าควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
 

ไปญี่ปุ่นต้องขอวีซ่าไหม

หากสงสัยว่าไปญี่ปุ่นต้องขอวีซ่าไหม? คำตอบคือ ถ้าอยู่ไม่เกิน 15 วัน ไม่ต้องขอวีซ่า หมายความว่าถ้าเดินทางเข้าญี่ปุ่นวันที่ 1 เมษายน 2567 จะอยู่อาศัยได้ถึงวันที่ 16 เมษายน 2567  สาเหตุที่ทางการญี่ปุ่นเสนอวีซ่าฟรีให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย เพราะเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่ซบเซามานาน
แต่! ในกรณีที่อยู่เกิน 15 วัน ต้องขอวีซ่าวีซ่านะ ไม่อย่างนั้นแล้วจะถูกส่งตัวกลับประเทศไทย และมีโทษห้ามเข้าญี่ปุ่น 1 ปีขึ้นไปเป็นอย่างต่ำ


 

เดินทางเข้าญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน ไม่ต้องขอวีซ่า
เดินทางเข้าญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน ไม่ต้องขอวีซ่า

 

 

เดินทางเข้าญี่ปุ่นต้องเตรียมอะไรบ้าง

เมื่อเพื่อนๆ  ได้รับคำตอบแล้วว่าไปญี่ปุ่นต้องขอวีซ่าไหม? สเต็ปต่อมารู้จักกับเอกสารสำคัญที่ห้ามพลาดเด็ดขาด เพื่อให้การเดินทางเข้าญี่ปุ่นครั้งแรกเป็นเรื่องง่าย ไร้อุปสรรคทุกการเดินทาง


 

เดินทางเข้าญี่ปุ่นต้องพกพาสปอร์ตไปด้วยเสมอ
เดินทางเข้าญี่ปุ่นต้องพกพาสปอร์ตไปด้วยเสมอ

 

 

1. พาสปอร์ต

แม้ว่าญี่ปุ่นจะให้สิทธิ์ฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาอาศัยไม่เกิน 15 วันก็จริง แต่ยังไงเพื่อน ๆ ที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นก็ยังต้องพกพาสปอร์ตไปด้วยเสมอ เพื่อยืนยันแก่เจ้าหน้าที่ตม.ว่าเป็นนักท่องเที่ยวสัญชาติไทยจริง และสำหรับการทำพาสปอร์ตครั้งแรกสามารถเดินทางไปที่กรมการกงสุล หรือสำนักงานหนังสือเดินทางทั่วประเทศ ค่าใช้จ่ายในการทำพาสปอร์ตเริ่มต้น 1,000 บาท
แต่ใช่ว่าทำพาสปอร์ตผ่านแล้วจะเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้ทันทีนะ เพราะต้องรอให้อายุพาสปอร์ตเกินกว่า 6 เดือนขึ้นไปจนถึงวันกำหนดเดินทางกลับ ถึงจะผ่านตม.ได้ ตัวอย่างเช่น หากวางแผนไปชมหิมะที่เมืองซัปโปโร เดือนธันวาคม กำหนดกลับ 1 มกราคม หมายความว่าต้องทำพาสปอร์ตตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงจะผ่านเกณฑ์เงื่อนไขการเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้ในกรณีข้างต้น


 

เดินทางเข้าญี่ปุ่นต้องพกตั๋วเครื่องบิน
เดินทางเข้าญี่ปุ่นต้องพกตั๋วเครื่องบิน

 

 

2. ตั๋วเครื่องบิน

ซื้อตั๋วเครื่องบินมาแล้ว อย่าเอาไปทิ้งนะครับ เพราะการเดินทางเข้าญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากตั๋วเครื่องบินสำหรับการกรอกลงทะเบียนบนเว็บไซต์ Visit Japan Web เพื่อได้รับบริการอย่างรวดเร็วเมื่อถึงกระบวนการทางศุลกากร และขั้นตอนการตรวจเมืองของญี่ปุ่น 


 

ลงทะเบียน Visit Japan Web ก่อนเดินทางเข้าญี่ปุ่น
ลงทะเบียน Visit Japan Web ก่อนเดินทางเข้าญี่ปุ่น

 

 

3. ลงทะเบียน Visit Japan Web ก่อนเดินทางเข้าญี่ปุ่น

หลังจากเตรียมพาสปอร์ต และตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปให้เพื่อน ๆ ลงทะเบียนกับเว็บไซต์ Visit Japan Web ซึ่งรวบรวมบริการที่จำเป็นแก่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าญี่ปุ่น ได้แก่ 1.กรอกใบผ่านตม.ล่วงหน้า. 2.พิธีการศุลกากร และ 3.แหล่งช้อปปิ้งร้านค้าปลอดภาษี
 

ขั้นตอนการลงทะเบียน

  1. เข้าสู่หน้าแรกของเว็บไซต์ https://vjw-lp.digital.go.jp/en/
  2. คลิก “S tart using the service now” ระบบจะพาคุณมายังหน้าล็อกอิน หากลงทะเบียนครั้งแรก ให้เลือกช่อง “Sign up for a new account”
  3. ลงทะเบียนบัญชี account ใหม่ด้วยการระบุข้อมูลที่จำเป็นได้แก่ 1.กรอกอีเมลส่วนตัว 2.ใส่รหัสผ่าน และกด “Create Account”
  4. จากนั้นระบบจะให้คุณยืนยันอีเมล ด้วยการระบุ “confirmation code 6 หลัก” ให้คุณกรอกรหัส 6 หลักลงไป เสร็จแล้วให้กด Confirm email
  5. เข้าสู่ระบบเป็นครั้งแรกโดยกรอกอีเมล และ Username ที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้ และกด “Login”
  6. คลิกเลือก Your Detail สำหรับกรอกข้อมูลส่วนตัว
  7. ระบบจะเริ่มถาม 2 คำถามเกี่ยวกับการเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้แก่
    • Do you have a passport issued by the Japanese Government
    • Will you enter Japan with a(special) re-entry permission
    หากเดินทางเข้าญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ให้ตอบ “no” ทั้ง 2 ข้อ และกดถัดไป
  8. เริ่มกรอกข้อมูลด้านพาสปอร์ต
    • นามสกุล
    • ชื่อ
    • วันเดือนปีเกิด
    • สัญชาติ
    • เพศ
    • หมายเลขพาสปอร์ต
    • ยืนยันหมายเลขพาสปอร์ต และกด Next
  9. ตรวจสอบข้อมูลให้เรียบร้อย เมื่อถูกต้องกด Register จากนั้นให้คลิก Back to home
  10. เมื่อกรอกข้อมูลส่วนบุคคลเสร็จสิ้น ขั้นตอนต่อไปหากประสงค์การเดินทางแบบทริปครอบครัว ให้เลือก “Details of family members traveling with you” เพื่อกรอกประวัติสมาชิกครอบครัวเพิ่มเติม
  11. หลังจากกรอกประวัติส่วนตัว หรือประวัติสมาชิกในครอบครัวเสร็จสิ้น ให้เริ่มต้นกรอกข้อมูลทริปเดินทางดังนี้
    • ตั้งชื่อทริป (ฟรีสไตล์ตามใจชอบ)
    • วันที่เดินทางถึงญี่ปุ่น
    • ชื่อสายการบินที่คุณใช้บริการ
    • ระบุหมายเลขไฟล์ท
  12. กรอกข้อมูลรายละเอียดของที่พัก
    • รหัสไปรษณีย์
    • จังหวัด
    • เมือง
    • ที่อยู่
    • ชื่อโรงแรมที่พัก
    • เบอร์ติดต่อโรงแรม กรอกข้อมูลเสร็จสิ้นกด Confirm
  13. ตรวจสอบข้อมูลการเดินทาง และที่พักอีกครั้ง ถ้าเรียบร้อยกด Register Plan

 

การกรอกข้อมูล Preparation for Immigration Clearance สำหรับการตรวจคนเข้าเมือง

  1. เข้าหน้าเพจ “Japan entry/return procedure”
  2. คลิกรายการ “Disembarkation Card for foreigner
  3. กรอกข้อมูล ประเทศ และจังหวัดที่คุณอาศัยอยู่ในปัจจุบัน
  4. ระบุวัตถุประสงค์ในการเดินทางว่า “Tourism”
  5. กรอกข้อมูลของไฟล์ทที่เดินทางเข้ามา
  6. ระบุจำนวนวันที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่น
  7. กรอกที่อยู่ของโรงแรมที่คุณเข้าพักอาศัย ซึ่งประกอบด้วย
    • รหัสไปรษณีย์
    • จังหวัด
    • เมือง
    • ที่อยู่
    • ชื่อโรงแรมที่พัก
    • เบอร์ติดต่อโรงแรม กรอกข้อมูลเสร็จสิ้นกด Confirm
  8. ตอบคำถามต่อไปนี้ให้ครบ 3 ข้อ
    • เคยถูกเนรเทศหรือปฏิเสธไม่ให้เดินทางเข้าญี่ปุ่นหรือไม่
    • เคยกระทำความผิดฐานอาญาในญี่ปุ่น หรือประเทศอื่นหรือไม่
    • คุณครอบครองยาเสพติด กัญชา ฝิ่น สารกระตุ้น หรือสารควบคุมอื่น ๆ และอาวุธปืน หน้าไม้ ดาบ วัตถุระเบิด หรือวัตถุอันตรายอื่นหรือไม่
    ให้เพื่อน ๆ ตอบ “No” ทุกคำถาม จากนั้นตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่ากรอกถูกต้องเรียบร้อย กด Register

 

Preparation for Customs Declaration สำหรับศุลกากร

  1. เข้าหน้าเพจ “Japan entry/return procedure”
  2. คลิกรายการ “Declaration of Personal Effects and Unaccompanied Articles”
  3. กด Next
  4. ระบบจะพาคุณมายังหน้าข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต่อพิธีการศุลกากร ให้เพื่อน ๆ ระบุข้อมูลดังนี้
    • เลือกอาชีพ
    • วันที่เดินทางเข้าญี่ปุ่น
    • หมายเลขเที่ยวขาไป
    • ตรงส่วนของ Point of embarkation ให้ใส่ว่า Bangkok เสร็จแล้วกด Next
  5. ระบุจำนวนสมาชิกที่ร่วมเดินทางมากับคุณ หากไม่มีกดข้ามคลิก Next ได้เลย
  6. ใส่รายละเอียดที่อยู่ที่พักในคืนแรก
    • รหัสไปรษณีย์
    • จังหวัด
    • เมือง
    • ที่อยู่
    • ชื่อโรงแรมที่พัก
    • เบอร์ติดต่อโรงแรม
  7. เมื่อใส่รายละเอียดที่พักเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไประบบจะถามเพื่อน ๆ ว่าได้นำสิ่งของต่อไปนี้เข้ามาหรือไม่
    • ยาเสพติด, อาวุธปืน,วัตถุระเบิด
    • ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์, ผัก, ผลไม้
    • ทองคำ
    • สินค้าในปริมาณสัดส่วนเกินกว่าจะได้รับยกเว้นอากรขาเข้า
    • สินค้าเชิงพาณิชย์
    • สิ่งของที่บุคคลที่ 3 ขอให้คุณนำเข้าญี่ปุ่น
    • เงินสด
    • กระเป๋าเดินทางที่จะส่งตามมาภายหลัง หลังจากคุณได้เดินทางเข้าญี่ปุ่นแล้ว ให้เพื่อนๆ ระบุข้อมูลทั้ง 8 ตามความจริงนะครับ ถ้ามีตอบ “Yes” ถ้าไม่มีเลือก “No” เสร็จแล้วกด Next
  8. ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วให้กด “Register”
  9. คลิก Back to Entry/Return Procedure
  10. ระบบจะปรากฏ QR code ขึ้น ให้เพื่อนๆ เลือก Display QR code
  11. เมื่อเข้าสู่หน้า Display QR code คุณจะพบกับหน้าสรุปข้อมูลเกี่ยวกับ Immigration Clearance และ Customs Declaration ให้เพื่อนๆ ตรวจสอบข้อมูลอีกรอบ เมื่อมั่นใจแล้วว่ากรอกครบทุกช่อง ให้กด Display QR Code
  12. ระบบจะปรากฏ QR code จำนวน 2 อันขึ้นในเว็บไซต์ ได้แก่ 1. QR code สำหรับตม.ญี่ปุ่น และ 2. QR code สำหรับพิธีการศุลกากร ให้เพื่อนๆ เซฟ QR code ทั้งสองใส่มือถือได้เลย เพื่อใช้แสดงยืนยันตัวตน เมื่อถึงกระบวนการตม. และศุลกากรของญี่ปุ่นครับ

 

เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อใช้ในการลงทะเบียน Visit Japan Web

เมื่อเพื่อน ๆ ทราบไปแล้วว่าขั้นตอนการลงทะเบียน Visit Japan Web ต้องทำอย่างไรบ้าง ต่อมาให้เตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อม เพื่อที่เวลากรอกข้อมูลเดินทางเข้าญี่ปุ่น จะได้สะดวกรวดเร็ว ไม่เสียเวลาเตรียมเอกสารทีหลัง

  1. พาสปอร์ต
  2. ตั๋วเครื่องบิน
  3. ตั๋วที่พัก


 

การเดินทางเข้าญี่ปุ่น
การเดินทางเข้าญี่ปุ่น

 

 

สิ่งของต้องห้ามในการเดินทางเข้าญี่ปุ่น

วัตถุต้องห้ามต่อไปนี้ทุกคนไม่สามารถพกติดตัวเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้ทุกกรณี
  1. ยาเสพติด
  2. สารกระตุ้น
  3. สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
  4. ยาอี
  5. อาวุธปืน หรือชิ้นส่วนใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ปืน
  6. ระเบิด
  7. ของปลอม เช่น ธนบัตรปลอม, เหรียญปลอม หรือบัตรเครดิตปลอม
  8. วัตถุลามกอนาจาร
  9. สินทรัพย์ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

 


วัตถุควบคุม

วัตถุควบคุมไม่เหมือนกับสิ่งต้องห้ามนะ เพราะวัตถุควบคุมจะยังคงนำติดตัวเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้อยู่ แต่ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด ตัวอย่างของวัตถุควบคุม (Restricted goods) ได้แก่

  1. ปืนล่าสัตว์
  2. ปืนลม
  3. ดาบ
  4. สัตว์ที่มีชีวิต หรือพืช รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากเนื้อสัตว์
  5. หรือสิ่งมีชีวิต ที่ได้รับการปกป้องจากการสูญพันธุ์ เช่น งาช้าง, จระเข้, เต่า เป็นต้น

นอกเหนือจากนี้ก็ยังมี
  • ทองคำแท่งหรือผลิตภัณฑ์ทองคำ

    ไม่ว่าจะทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากทองทุกชนิด น้ำหนักเกิน 1 กิโลกรัม จะต้องชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรของญี่ปุ่นครับว่าคุณมีความจำเป็นอะไรที่ต้องพกทองจำนวนมากเดินทางเข้าญี่ปุ่นขนาดนั้น แต่ถ้าตอบคำถามต่อเจ้าหน้าที่ได้ก็ผ่านขั้นตอนนี้ได้ครับ ไม่ได้เข้มงวดขนาดห้ามนำทองคำเข้าขนาดนั้น
  • สินค้าที่เกินจากการได้รับยกเว้นภาษี

    การเดินทางเข้าญี่ปุ่นก็มีข้อกฎหมายห้ามพกของเกินกว่าปริมาณที่กำหนดเช่นเดียวกับกรมศุลกากรของไทยครับ ถ้าพกของต่อไปนี้ในปริมาณที่ระบุไว้ตามกฎหมายต้องเสียอากรขาเข้า ตัวอย่างเช่น
    • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปริมาณเกินกว่า 760 mL. หรือเกินกว่า 3 ขวด
    • บุหรี่เกินกว่า 200 มวน หรือ ซิการ์เกินกว่า 200 มวน
    • น้ำหอมในปริมาณเกินกว่า 2 ออนซ์
  • สินค้าเชิงพาณิชย์

    บอกเลยว่าทางการศุลกากรญี่ปุ่นทำงานเข้มงวดมากครับ ใครพกของเดินทางเข้าญี่ปุ่น จำนวนมาก จนผิดสังเกต เช่น รองเท้า, เสื้อผ้า, ขนมขบเคี้ยว เตรียมตัวเสียภาษีนำเข้าได้เลย เพราะถือว่ามีเจตนานำเข้ามาจำหน่ายภายในญี่ปุ่น ส่วนต้องเสียในอัตราอากรขาเข้าเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับชนิดสินค้าและปริมาณที่กำหนด
  • สิ่งของอื่น

    นอกจากนี้ยังมีสิ่งของอื่น ๆ ที่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรก่อนเดินทางเข้าญี่ปุ่น ได้แก่ 1.เงินสดเกินกว่า 1 ล้านเยน เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการฟอกเงิน, เมล็ดพืชบางชนิดที่อาจเกิดการปนเปื้อน ทำให้ต้องได้รับใบอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ และผลไม้อย่าง ทุเรียน สัปปะรด พริกแห้ง ต้องมีใบอนุญาตด้วยเช่นกัน
  • ยา

    เป็นหวัด น้ำมูกไหล หายใจไม่ออก เพื่อนๆ คงแก้ปัญหาด้วยการพกยาเพื่อบรรเทาอาการ แต่ควรตรวจสอบประเภทยาให้ดีนะครับ เพราะมียา 11 ประเภทต่อไปนี้ที่ไม่สามารถนำติดตัวเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้ทุกกรณี เพราะมีส่วนผสมของสารกระตุ้นประสาท (สารซูโดอีเฟดรีน) ได้แก่
    1. NYQUIL
    2. NYQUIL LIQUICAPS
    3. TYLENOL COLD
    4. ADVIL COLD & SINUS
    5. ACTIFED SUDAFED
    6. DRISTAN SINUS
    7. DRISTAN COLD/ “NO DROWSINESS”
    8. VICKS INHALER
    9. DRIXORAL SINUS
    10. SUDAFED
    11. LOMOTIL
    สำหรับ LOMOTIL ไม่ได้มีสารซูโดอีเฟดรีน แต่เป็นยาบรรเทาอาการท้องเสีย ที่มีส่วนผสมของยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 3
  • ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่มีส่วนประกอบของกัญชา

    สายสีเขียวเดินทางเข้าญี่ปุ่นต้องระวังนะ เพราะทางศุลกากรญี่ปุ่นเข้มงวดมากกับการนำผลิตภัณฑ์กัญชาเข้าประเทศ ใครครอบครองชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของกัญชา อย่างใบ กิ่ง ราก ลำต้น หรือแม้แต่สารสกัด THC ก็ไม่สามารถผ่านได้
  • ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ และผักผลไม้สด รวมถึงของแปรรูปจากสัตว์ทุกชนิด

    ทางการญี่ปุ่นซีเรียสเรื่องการนำเข้าเนื้อสัตว์ และของแปรรูปจากสัตว์ทุกชนิดมาก เพราะหลายครั้งเกิดเหตุโรควัวบ้าระบาด และโรคอื่น ๆ ซึ่งมาพร้อมกับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าญี่ปุ่นที่ลักลอบนำเนื้อไก่ดิบ น้ำนมดิบ หรือแม้แต่ไส้กรอก, ไส้อั่วเข้าประเทศ ซึ่งการพกผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้ามาต้องโทษ 3 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านเยน หรือทั้งจำทั้งปรับ
    และผักผลไม้สด เช่น มะเขือเทศ ส้ม กล้วย ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าเช่นกัน เพราะเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดในพืช ทำให้เกษตรกรญี่ปุ่นได้รับความเดือดร้อน แต่ถ้าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการแปรรูปแล้ว เช่น ส้มกระป๋อง หรือกล้วยตาก อันนี้นำเข้าได้

 

เดินทางเข้าญี่ปุ่นต้องแสดงเอกสารการตรวจโควิดหรือการฉีดวัคซีนโควิดหรือไม่

ข่าวดีสำหรับเพื่อน ๆ ชาวไทยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิดทุกท่าน เพราะญี่ปุ่นได้ยกเลิกมาตรการกักตัวเรียบร้อยแล้ว และไม่ต้องใช้เอกสารการตรวจโควิดจากแอปพลิเคชันหมอพร้อม เพื่อยืนยันว่าได้ฉีดวัคซีนจริง ทำให้ขั้นตอนการเดินทางเข้าญี่ปุ่นเหลือแค่ ตม. และพิธีการศุลกากรเท่านั้น


 

เอกสารที่จำเป็นการยื่นขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าญี่ปุ่น
เอกสารที่จำเป็นการยื่นขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าญี่ปุ่น

 

 

เอกสารที่จำเป็นการยื่นขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าญี่ปุ่น

หลังจากทราบไปแล้วว่าการเดินทางเข้าญี่ปุ่น เมื่ออยู่อาศัยน้อยกว่า 15 วัน ทุกคนจะได้รับสิทธิ์ฟรีวีซ่า แต่สำหรับเพื่อน ๆ ที่วางแผนอยู่ยาวเพื่อชมเทศกาลประจำฤดู มาเตรียมพร้อมเอกสารต่อไปนี้ในการขอวีซ่าได้เลย
  1. หนังสือเดินทางอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
  2. ถ่ายในชุดสุภาพ เป็นสีหรือขาว-ดำก็ได้ พื้นหลังสีอ่อนไม่มีลวดลาย ขนาดไม่เกิน 2x1.4 นิ้ว
  3. ใบคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่นจากเว็บไซต์สถานฑูต
  4. แบบสอบถามเพื่อการขอวีซ่า
  5. กำหนดการเดินทาง
  6. ทะเบียนบ้าน นำมาทั้งฉบับจริง และสำเนา 1 ชุด

 

สถานที่ทำวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าญี่ปุ่น

สามารถขอวีซ่าญี่ปุ่นได้ที่กรุงเทพ, เชียงใหม่ และจังหวัดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1. ศูนย์ยื่นวีซ่าญี่ปุ่น กรุงเทพฯ

  • ที่ตั้ง
    อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 15 ยูนิต C ถ. สีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
  • เวลาเปิดทำการ
    วันจันทร์ - ศุกร์ 08.30 - 18.00 น.
  • วิธีการเดินทาง
    1. รถยนต์ส่วนบุคคล
    2. ลงสถานี BTS ศาลาแดง เดินมายังทางเชื่อมสู่อาคาร
    3. รถเมล์สาย 1-18E (504), 15, 177,4-7E (21),77,77 (ปอ.) (AC)
    4. ลง mrt สายสีลม จากนั้นเดินมายังทางเดินเชื่อมสู่อาคาร
  • เบอร์โทรติดต่อ
    02-251-5197 / 02-251-5198
  • ข้อมูลอื่น ๆ

       เปลี่ยนเวลาทำการของศูนย์รับยื่นขอวีซ่าญี่ปุ่น (กรุงเทพฯ) เป็น 8.30น. - 17.00น. ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

 

2. ศูนย์ยื่นวีซ่าญี่ปุ่นเชียงใหม่

  • ที่ตั้ง
    90 อาคารแอร์พอร์ต บิซิเนส พาร์ก ห้อง 104-107 ถนนมหิดล ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50100
  • เวลาเปิดทำการ
    วันจันทร์- วันศุกร์ เวลา 08 : 30 น. – 18 : 00 น.
  • วิธีการเดินทาง
    รถยนต์ส่วนบุคคล
  • เบอร์โทรติดต่อ
    โทรศัพท์ 052-012500  ต่อ 102
  • ข้อมูลอื่น ๆ
    ผู้ที่พำนักอยู่ใน 9 จังหวัดภาคเหนือได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน และ พะเยา จะต้องยื่นคำร้องขอวีซ่าที่สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น

 

3. ศูนย์ยื่นวีซ่าญี่ปุ่น จังหวัดอื่นๆ

  • ที่ตั้ง
    ดำเนินการได้ที่ ที่ทำการไปรษณีย์สงขลา ชลบุรี ระยอง พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา พิษณุโลก อุบลราชธานี ขอนแก่น เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต
  • เวลาเปิดทำการ
    วันจันทร์- วันศุกร์ เวลา 08 : 30 น. – 16 : 30  น.
  • วิธีการเดินทาง
    รถยนต์ส่วนบุคคล
  • เบอร์โทรติดต่อ
    02-632-1541-4 (เบอร์เดียวกับศูนย์ยื่นวีซ่าญี่ปุ่นกรุงเทพ)
  • ข้อมูลอื่น ๆ
    คิดค่าบริการออกวีซ่าเพิ่มเติม 140 บาท

 

ค่าใช้จ่ายในการขอยื่นวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าญี่ปุ่น

หากเพื่อน ๆ เดินทางเข้าญี่ปุ่นเพื่ออยู่อาศัยเกิน 15 วัน สามารถขอวีซ่าได้ 3 แบบ

  1. วีซ่าทั่วไป 790 บาท
  2. วีซ่า Multiple (สำหรับนักท่องเที่ยวผู้เคยเดินทางเข้าญี่ปุ่น ภายในระยะเวลา 3 ปี และเหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่ประสงค์เดินทางเข้าญี่ปุ่นหลายครั้ง) 1,570 บาท
  3. วีซ่า Transit 180 บาท


หลังจากทราบกันไปแล้วว่าไปญี่ปุ่นต้องขอวีซ่าไหม เดินทางเข้าญี่ปุ่นต้องทำอย่างไรและมีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ก็อย่าลืมตรวจเช็กสภาพอากาศให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง เพื่อให้เที่ยวญี่ปุ่นอย่างปลอดภัยด้วยนะ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าฤดูมรสุมของญี่ปุ่นอยู่ในช่วงหน้าร้อนที่ฝนตกหนักเป็นพิเศษ ทำให้การเดินทางไปฤดูดังกล่าวต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา มิเช่นแล้วอาจส่งผลกระทบต่อไฟล์ทบินที่ต้องดีเลย์ออกไป จนต้องเลื่อนแผนการเดินทางได้

สายกิน ช้อป เที่ยว เจแปนเลิฟเวอร์ ต้องมี บัตรเครดิต กรุงศรี เจซีบี แพลทินัม พร้อมรับสิทธิประโยชน์ดีๆ มากมาย เช่นรับเครดิตเงินคืน 3%* เมื่อใช้จ่ายที่ร้านอาหารทั่วโลก รับเครดิตเงินคืน 1%* เมื่อใช้จ่ายที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศที่ร่วมรายการ บริการ Airport Lounge ที่สนามบินในประเทศญี่ปุ่นและอีก 9 ประเทศที่ร่วมรายการ และประกันอุบัติเหตุการเดินทาง ทั้งในและต่างประเทศ มีบัตรไว้เที่ยวญี่ปุ่นสนุก คุ้มแน่นอน สมัครเลย!

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด



สมัครบัตรเครดิต กรุงศรี เจซีบี แพลทินัม